29/9/63

Strain

 ผม:เวลากูเบื่อหรือเครียด กูจะกินสเต็กเนื้อหว่ะ

ผม:ถ้าเป็นพวกมึง ปกติทำไรกันวะ

เพื่อน:กุไปเที่ยว ตจว กับครอบครัว

เพื่อน:ถ้ากุทะเลาะกับครอบครัว กุก็ไปเที่ยวคนเดียว เช่นวนเขาใหญ่ซักรอบนึง

ผม:เออ ดีกว่า

ผม:ดีหว่ะ

ผม:งั้น กูกินสเต๊กเนื้ออ่ะ ถูกจริตกูละ

ผม:มันดีนะ ที่มึงไม่ต้องเครียดจากครอบครัวเนี่ย

ผม:แต่เดิม กูไม่มีอะไรให้เครียดเลย ทั้งงาน ทั้งสังคม

ผม:มีแต่ที่บ้าน ที่ทำให้กูเครียด

ผม:แต่ไม่เป็นไร เพราะกูเรียนรู้ที่จะเติมความสุขให้ตัวเองได้ 😛

ผม:ไม่ว่าจะสุขแท้ สุขเทียม สุขจริง สุขปลอม เอาว่า ถ้ามันสุข กูก็เสพไว้ก่อน

8/9/63

A week with OnePlus

จากที่สั่ง OnePlus มาใช้ ลองมาได้เกือบสัปดาห์ พอลิสต์ออกมาเป็นความรู้สึกได้ประมาณนี้


  • จอใหญ่ไป ไม่สามารถใช้ด้วยมือเดียวได้ อาจเป็นเพราะใช้งานแบบ Swipe to back
  • WarpCharge ไวมาก
  • ในกล่องมีเคสกับฟิลม์มาแล้ว ดีเลย ไม่ต้องหา ฟิลม์ติดมาอยู่แล้วด้วย สบาย แต่มันหนืดๆ นิ้วหน่อย ต้องเปลี่ยน
  • เคสที่แถมมาดีมากเลย ตรงมุมหนาดี แต่ขอบหนาไป Swipe ไม่สะดวก
  • แอปมี Netflix ฝังมาด้วยอ่ะ มันไม่ได้อารมณ์ Pure android แต่ก็ไม่ได้คาดหวังมาก ขนาด Android One ยังฝังของมาเลย
  • มีฟีเจอร์ Swipe แบบ iOS มาด้วยอ่ะ
  • ด้วยความที่มันโม เลยไม่รู้ว่า มันต่างจาก Pure Android ยังไง แล้วต่อไปถ้าอยากซื้อ Pure Android ฟีเจอร์ไหนที่มันไม่มี
  • Google Search Bar ไม่ฝังอยู่ด้านล่างแล้ว แฮปปี้มาก
  • กล้องหน้าที่เจาะรู รู้สึกรำคาญตามาก
  • แบตอึด อยู่ได้จบวันสบายๆ
  • มี Hard switch ตั้งปิดเสียง กับสั่นได้ แบบเดียวกับ iPhone เป็นอะไรที่ชอบมาก
  • สวิตซ์ปิดเสียง ดันอยู่คนละฝั่งกับปุ่มปรับระดับเสียง
  • ปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ด้านซ้าย ไม่ถนัดมากๆ
  • ไม่มีรูเสียบหูฟัง ก็ใช้บลูทูธได้แหล่ะ ก็เริ่มชินอยู่
  • โหมดปรับแสงจออัตโนมัติ โอเคมาก ปรับสมูท นุ่ม ได้ระดับแสงตามต้องการ
  • Multi user ใช้ Swipe ไม่ได้อ่ะ เซ็ง
  • กลิ่นเหมือน Cyanogen มากๆ
  • รู้สึกว่า มันโอเคทั้งตัวเครื่อง ทั้งโอเอสเลย รอบหน้า OnePlus อีกก็น่าจะดี


อื่นๆ ยังไม่ได้ลอง

  • Google assistance แต่เดาว่า ไม่น่าจะต่างจาก Android ปกติ
  • Face unlock


ความคุ้มค่า

ผมเป็นคนที่ชอบคิดเรื่องความคุ้มค่า โดยปกติแล้ว มือถือผมจะใช้อยู่ที่ประมาณ 2ปี เครื่องนี้รวมๆ แล้ว ประมาณ 18,000 บาท ถ้าใช้สองปี ก็จะอยู่ที่วันละ 25บาท ซึ่ง ก็โอเคนะ แพงไปนิดนึงสำหรับการใช้งานมือถือที่วันละ 25บาท แต่ก็โอเคแหล่ะ ซึ่งก็ต้องไปคิดอีกที ว่าครบ 2ปี แล้ว มูลค่าจะเหลือเท่าไหร่ ก็ค่อยไปหักลบเอาอีกที

1/9/63

OnePlus NORD

 ได้มือถือใหม่มาเรียบร้อย เป็น OnePlus NORD เป็นมือถือตลาดกลางจาก OnePlus

ปกติจะไม่เป็นคนใช้งานมือถือราคานี้อยู่แล้ว (17k) แต่รอบนี้คือ เล็งไว้แล้ว ว่าจะลอง Google Pixel ก็เลยเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ว่าจะใช้มือถือราคานี้

มาดูที่มาที่ไปก่อน เรื่องคือ Mi A2 Lite ที่ใช้งานอยู่มันไม่ไหวมากๆ ละ ลุกแอปใช้เวอร์ชั่น Lite ทั้งหมด มันก็ยังอืด (สืบเนื่องมาจาก อัปเป็น Android 10) ก็เลยเป็นอันว่าจะเปลี่ยน

มือถือที่เล็ง

ตอนแรก ตั้งเป้าเลยคือ Mi A4 แต่มันเงียบมากๆ ดูไม่มีข่าวเลย ก็เลยขยับไปมอง Pixel ซึ่งตอนที่ดูนั้น มันใกล้ช่วงที่จะออก Pixel ตัวใหม่ละ ที่มีขายอยู่ก็เป็น Pixel4 ที่ล่าสุด ก็มีข่าวว่าจะออก Pixel4a ตอนปลาย ส.ค. และ Pixel5 ตอน ต.ค. ก็ตั้งเป้ารอไว้เลย จน Pixel4a เปิดตัว

พอ Pixel4a เปิดตัว ก็ตามหาที่ซื้อเรื่อยมา ว่าจะซื้อที่ไหนได้ จนตามไปตามมา ดันมาเจอข่าว OnePlus ขึ้นมาพอดี แล้วเขาก็วางขายแล้ว เลยเป็นอันว่า ขยับมา OnePlus ละกัน

สาเหตุ OnePlus ใช้ OxygenOS ซึ่งมันก็อารมณ์ประมาณ Cyanogen ซึ่ง ก็ประมาณว่าเป็น Ubuntu นะ เราต่อยอดมาจาก Debian อีกที คือ ถึงแม้มันจะไม่ Vanilla แต่มันก็ใกล้เคียงต้นฉบับมากๆ แล้วก็ ราคาของ OnePlus NORD ก็แพงกว่า Pixel4a ขึ้นมาหน่อย ซึ่งถ้าได้ราคาหิ้วของ Pixel4a แล้วคงไม่ต่างมาก อีกทั้ง Google ไม่มีศูนย์ แต่ OnePlus มี แล้วสเป๊กของ OnePlus NORD ก็เหนือกว่าด้วย

เลยเป็นอันว่า มาจบที่ OnePlus ง่ายๆ นี่ล่ะ เล็ง Pixel อยู่ตั้งนาน

Why to why not

 วันก่อนอ่านเจอ Quote เด็ดๆ จากเพจ "มิตรสหายท่านหนึ่ง"


พูดถึงเรื่องม๊อบเยาวชนปลดแอก เกี่ยวกับเรื่องรูปแบบม๊อบ ว่า มันเปลี่ยนไปแล้ว มีการเอาแฮมทาโร่ แฮรี่พอตเตอร์มาเล่น ซึ่งเราจะไม่มีวันได้เห็นจากคนรุ่นเก่า


อันเนื่องมาจาก เด็กรุ่นนี้ จะทำโดยไอเดียของเขา โดยมีฐานคิดที่ว่า แล้วทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะ (Why not)

ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านทางความคิดมาก สมัยก่อนเวลาที่เราจะทำอะไรที่แตกต่างจากที่คนรุ่นก่อนทำกัน เราจะโดนเบรคด้วยความคิดที่ว่า จะเปลี่ยนทำไม (Why) แบบเก่าไม่ดีตรงไหน ทำไมต้องแหวกแนว อยากเท่เหรอ อย่างเด่นหรือไง อย่างเป็นจุดสนใจใช่มั้ย

แล้วพอเรากลัวที่จะต่าง เราก็จะทำตามๆ กันไป แล้วใครแตกต่าง เราก็แค่ผสมโรงด่าไปด้วย เราก็จะเป็นคนกลุ่มใหญ่ของสังคมได้แล้ว ซึ่งเราจะปลอดภัย

ก็คงบอกไม่ได้ว่าแบบไหนดี แต่ผมชอบการถามว่า Why not มากกว่า มันทำให้เรามีชีวิตที่อิสระ

ทำไมเราจะใส่เสื้อยืดมาทำงานไม่ได้ล่ะ ทำไมเราจะใส่ถุงเท้าสีๆ ไม่ได้ล่ะ

เราไม่จำเป็นต้องทำตามกัน เพราะกลัวว่าจะแตกต่างแล้ว ยุคต่อไปของเด็กรุ่นนี้จะเป็นยุคของอิสระภาพแล้ว

3/8/63

รัก สุข ผูกพันธ์



ชีวิตคู่ จะอยู่กันได้จากอะไร ก็คงมีหลายๆ คำตอบ ซึ่งผมก็ลองหาคำตอบแบบของผม ก็ได้ความมาตามนี้

เราจะอยู่กันได้ อย่างดี และราบรื่นได้ ผมแบ่งออกเป็นเกรดเหมือนวิชาเรียน โดยแบ่งออกเป็น 3วิชา

ความรัก ความสุข และความผูกพันธ์ แบ่งออกมาเป็นอย่างละ 33.33คะแนน การจะอยู่ด้วยกันได้ หรือไม่สอบตก ก็คือ ต้องมีคะแนนรวมมากกว่า 60 คะแนน แล้วถ้าคะแนนรวมเพิ่มขึ้น ก็จะมีชีวิตคู่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามไปด้วย

นั่นแปลว่า ถ้าคุณได้ 0 ในวิชานึง คุณต้องได้(แทบจะ)เต็ม ในอีกสองวิชา

ลองยกเคสว่า 0 คะแนนในวิชาใดๆ แล้วจะอยู่ได้อย่างไร

+รัก +สุข -ผูกพันธ์ = ถ้าอยู่ด้วยกัน แล้วรักกัน อยู่แล้วมีความสุข แม้จะไม่ได้ผูกพันธ์กัน มันก็อยู่ด้วยกันได้
+รัก -สุข +ผูกพันธ์ = ถ้ารักกัน ผูกพันธ์กัน แต่ไม่มีความสุข ก็แปลว่า ทั้งคู่ลำบากด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน เพราะเขารักกัน
-รัก +สุข +ผูกพันธ์ = มีความสุข และผูกพันธ์กัน แต่ไม่ได้รักกัน ก็จะเหมือนตามละคร ที่สองคนไม่ได้รักกัน แต่จำต้องมาอยู่ด้วยกันและผูกพันธ์กัน หรือไม่ก็เป็นในลักษณะของ คู่ชีวิตทางธุรกิจ ประมาณว่าคลุมถุงชน

ก็ลองให้คะแนนชีวิตคู่ของคุณดูนะครับ ว่าตอนนี้ ชีวิตคู่ของคุณ มีคะแนนแต่ละอย่างเป็นเท่าไหร่

16/7/63

ยอมหักไม่ยอมงอ

เหมือนเคยเขียนเรื่อง ยอมหักไม่ยอมงอไว้แล้ว

ยอมหักไม่ยอมงอ มันเป็นอะไรที่ฟังดูดี ฟังดูเข้มแข็ง ฟังดูจริงจัง "ฉันเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ" แต่ผมเองเป็นคน ยอมงอไม่ยอมหัก

ยอมหักไม่ยอมงอ = เจ็บ แต่จบ คือ เจ็บแน่ๆ เพราะมันหัก และจบแน่ๆ เพราะมันหัก
ยอมงอไม่ยอมหัก = เจ็บ แต่ไม่จบ เพราะมันงอ มันไม่ตรงเดิม มันไม่คงรูป มันไม่เป็นอย่างเคย ดังนั้น มันจะเจ็บ แต่มันจะไม่หัก มันจะไม่ขาด เพราะมันยังงออยู่

หัก = ซ่อมไม่ได้ ไม่สามารถติดกันได้ ถึงเอามาติดกัน แต่มันก็ไม่ใช่ชิ้นเดียวกันแล้ว เพราะมันหักไปแล้ว
งอ = ซ่อมได้ แม้จะไม่ตรงเหมือนเดิม ไม่ได้สภาพเดิม แต่มันซ่อมได้ เพราะมันยังไม่หัก มันยังไม่ขาดออกจากกัน มันยังคงเป็นชิ้นเดียวกันอยู่

คงไม่สรุปว่าแบบไหนดีกว่ากว่า แต่บอกได้ว่า ผมเป็นคนเลือกงอก่อนที่จะเลือกหัก ก็คงเป็นเพราะผมมันเป็นคนไม่เด็ดขาดมั้ง

ปล. เพิ่มเติม

ประเด็นคือ

ถ้า A ยอมหักไม่ยอมงอ
แล้ว B ยอมงอไม่ยอมหัก

ถ้าสองคนนี้ชนกัน A จะชนะเสมอ เพราะ B จะเป็นฝ่ายยอม แต่ถ้าวันไหน B เปลี่ยนมายอมหักเหมือนกัน ก็เป็นอันจบ เพราะไม่มีใครยอมงอ

Way, Way out

  1. เรารู้ว่าคนที่เรารักทำสิ่งที่เราไม่ชอบ
  2. สิ่งที่เขาทำไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่มันทำให้เราเสียใจ
  3. เราบอกเขาไม่ได้ว่าเราเสียใจที่เขาทำแบบนั้น
  4. สิ่งที่เขาทำ ทำให้เรารักเขาน้อยลง
  5. ถ้าเขารู้ว่าเราไม่พอใจในสิ่งที่เขาทำ เขาก็จะรักเราน้อยลงเหมือนกัน
ทางเลือก
  • A: ปล่อยไปแบบนี้ แล้วเราก็จะรักเขาน้อยลงเรื่อยๆ
  • B: บอกเขา เพื่อให้เขาหยุดทำแบบนั้น แต่เขาก็จะรักเราน้อยลงไปเรื่อยๆ
มันมีทางเลือกอื่นที่ช่วยทั้งเราและเขาได้ แต่เขาไม่เลือกทางนั้น และการที่เขาไม่เลือกทางนั้น เป็นเพราะเขารักเราไม่พอหรือเปล่า หรือเราเรียกร้องมากเกินไป

มันแย่ตรงที่ พูดไปก็ไม่ดี เก็บเอาไว้ก็ไม่ดี มันแย่นะ

30/6/63

พระธรรม

พระธรรมนั้นเป็นเรือ เมื่อถึงฝั่ง เธอก็ลงจากเรือ ไม่ได้เอาเรือไปด้วย

My next phone



ความเดิมจากตอนที่แล้ว ->

อัป Mi A2 Lite ไป ได้ Android 10 มา แต่ อืดมากกกกกกก

คงทำไรไม่ได้มากนัก เพราะอายุมันก็จะ 2 ปีแล้ว ก็เป็นอันว่าต้องไปเล็งมือถือใหม่แทน ใจพุ่งไป Mi A4 เลย เพราะ A3 มันก็ออกมาจะปีนึงได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นว่า A4 จะมาเมื่อไหร่

พลางๆ ก็เลยไปส่อง Android One ตัวอื่นดู ปรากฏว่า ไม่ไหว หน้าตาดูไม่ได้เลย ที่มีให้เห็นในตลาดที่เป็น Android One ก็จะมี Mi (ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ A3), Motorola (หน้าตาดูไม่ได้), Nokia (หน้าตาก็ไม่ได้ ราคาสูงด้วย)

เลยดูๆ ว่า ไม่ไหวละ หรือจะขยับไป Pixel phone เลยดี ก็ปรากฏว่า ตอนนี้ล่าสุดเป็น Pixel 4 ซึ่งอายุใกล้จะครบปีพอดี ก็คือ Pixel5 จะออก ต.ค. นี้

เป้าหมายก็เลยเป็นว่า รอ Mi A4 เดือน ก.ค. นี้ แต่ถ้า Mi เลิกทำ Serie A ก็จะรอไป Pixel 5 เลย

ไม่รู้จะรอไหวเท่าไหน แต่ก็ไม่อยากจะ Mi A3 หรือ Pixel4 เพราะมันไม่ใช่เวลา

ทั้งสองตัวก็ กว่าจะเปิดตัว แล้วกว่าจะวางขาย น่าจะต้องทนไปอีกนาน

ตรวจสุขภาพ 2020

วันนี้มีตรวจสุขภาพของที่ออฟฟิศ โน๊ตไว้นิดนึง

ก็มีตรวจหลายอย่าง สายตา คลื่นไฟฟ้าหัวใจ อจร. ปสว. เลือด (แต่ผลยังไม่ออก) มีเอ็กซเรย์ปอด แล้วก็อัลตราซาวด์ช่องท้อง

ผลคือ ที่ต้องใส่ใจก็มีผลของอัลตราซาวด์ช่องท้อง คือ ไขมันเกาะตับ แล้วก็มีติ่งเนื้อในถุงน้ำดี

เรื่องไขมันเกาะตับนี่คือ พฤติกรรมล้วนๆ ยิ่งอายุเยอะยิ่งแก้ไขยาก แล้วก็จะอันตรายมาก
ติ่งเนื้อ อันนี้หมอบอกว่าต้องเฝ้าดู ถ้ามันใหญ่ขึ้น ก็มีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ ก็คือ ต้องตรวจดูทุกปี

จดไว้จำ
จบ

5/6/63

Android 10

มีปัญหากับคอมไม่พอ ยังมามีปัญหากับมือถืออีก เรื่องคือ ใช้ Mi A2 Lite อยู่ น่าจะอายุเจียนๆ สองขวบได้ละ จำไม่ได้ว่าตอนซื้อมาใช้มัน Android เวอร์ชั่นไหน แต่ตอนนี้มันคือเป็น 9 อยู่ แล้วมันก็ขึ้นมาเตือนให้อัปเป็น 10 ไอ้เราก็ดีใจ ได้อัปเดต Android ใหม่ มือถือถูกๆ แต่ไม่โดนแพ ก็กดอัปไป

พออัปไปเท่านั้นแหล่ะ อืดเลย โทรผ่านแอปแชท คุยแทบไม่รู้เรื่อง ก็เลยอยากได้มือถือใหม่อีก แต่โจทย์ก็เดิมๆ คือ อยากได้ Pure Android และต้องไม่แพงด้วย อีกใจก็อยากได้ iPhone นะ ดูราคา iPhone SE แล้วมันได้อยู่ แต่ก็ติดตรงฟีเจอร์ที่ทำ Mult-user ไม่ได้ อีกทั้ง ถ้าใช้ iPhone อาจโดนคนที่บ้าน Track location เอาได้ เพราะคุณเมียเธอก็ใช้ iPhone อีก ดังนั้น iPhone ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะ อักทั้งยังไม่ปลอดภัยด้วย

กลับมาที่ Android ต่อ ครั้นจะซื้อใหม่ ก็อยากได้ Android one เพราะราคา Pixel ก็แพงไป ฟีเจอร์เราก็ใช้เท่าๆ กันนั้นแหล่ะ ส่อง Android one หลายๆ เครื่อง หน้าตาดูไม่ได้เลย ทั้ง Moto, Nokia จะมีก็ Xiaomi แต่ Mi A3 ก็ออกมาได้เกือบปีละ เลยกะว่ารอ Mi A4 ไปเลย

ทีนี้ ระหว่างรอ จะใช้ไอ้ที่โทรไม่รู้เรื่อง กดก็ค้างๆ มันก็อยู่ลำบาก จะซื้อใหม่ก็คงไม่เร็วๆ นี้ เลยหาทางออกด้วยการพยายามจะ Factory Reset อย่างน้อยก็น่าจะช่วยบ้างน่า

จะล้างทิ้ง อย่างอื่นไม่เท่าไหร่เลย Sync มาใหม่ได้ มีปัญหากับไอ้เจ้า Google Authenticator นี่แหล่ะ ทุกทีเวลาได้เครื่องใหม่ ก็จะไม่มีปัญหามากนัก เพราะ ก็ถ่ายข้อมูลจากเครื่องเก่ามาเครื่องใหม่ แต่อันนี้มันต้องล้างเครื่องนี่สิ ไม่รู้จะทำยังไง หรือ ถ้ามันจะมีไม่กี่อันก็ไม่ลำบากมากนัก แต่ตอนนี้คือมีตัว Authen ซัดไป 10 อันได้ มาไล่เก็บทีละอันบันเทิงแน่

สารพัดวิธีที่จะหา ไอ้ตัว Authenticator สามารถ Export เป็น QR ได้ แต่เราก็ไม่รู้ว่า QR มันหมดอายุได้ป่าว จะ Gen QR ทิ้งไว้ ล้างเครื่อง แล้วค่อยมาสแกน ก็ใช้ที่ เกิดใช้ไม่ได้วุ่นวายเลย

วิธีที่ลองไปแล้ว

  • ใช้ Authenticator ใน iOS เพราะที่ออฟฟิศมี iPad อยู่ ยืมมาใช้ก่อน ลองแล้วก็ไม่รอด เพราะ Authenticator ใน iPad มันไม่มีให้กด import เป็นอันจบไป
  • Authenticator เป็น Chrome extension ไม่ผ่านอีก สแกนยังไงก็ไม่ได้ มี import/export ก็จริง แต่มันเป็น JSON ของตัวมันเอง
  • Authenticator ใน Windows ไม่ผ่านอีก ดูแล้วคล้ายๆ ของ Chrome extension


สุดท้าย ทางที่รอด ลง Bluestack ใน Windows แล้วติดตั้ง Authenticator ของ Android เอา

สรุป จัดการ Authenticator ได้ ก็เป็นอันว่าได้ล้างเครื่อง

พอมาใช้ Android 10 บน Xiaomi A2 Lite แบบล้างเครื่องใหม่ๆ ก็เป็นอันว่า โทรคุยรู้เรื่อง ไม่ขาดๆ หายๆ ละ แต่เครื่องก็มีค้างๆ บ้าง

ก็คงได้อยู่ต่อไปก่อน จนกว่า Mi A4 จะวางขาย แต่แอบส่องรีวิวดู ดูเหมือนกล้องจะเป็น pop-up ไม่ชอบอ่ะ แต่ไว้ออกมาก่อน ค่อยตัดสินใจ แต่ยังไงก็ตาม ไม่เอา iPhone แน่ๆ

Move to Windows

ย้ายมาใช้ Windows เรียบร้อย สาเหตุไม่มีไรมาก คือ เครื่อง Macbook ของออฟฟิศ SSD มันพัง ส่งซ่อมครึ่งเดือนก็ยังไม่กลับ ใช้ Acer Switch Alpha มาพลางๆ อยู่พักใหญ่ เริ่มจะชินอยู่บ้าง

จริงๆ แล้ว อยากสั่ง Mac ใหม่มากกว่า แต่ดูข่าวหลายสำนักแล้ว มีแววว่ามันจะเปลี่ยนมาใช้ ARM ซึ่งความเป็นไปได้สูงมาก แล้วก็ตามแหล่งข่าวแล้ว มันน่าจะออกที่กลางปีหน้า ซึ่งมันก็โอเคที่จะรอแหล่ะ

ก่อนนี้ไปส่อง iPad pro + Magic Keyboard มาแล้ว แต่ดูแล้วไม่น่ารอด เพราะติดประเด็นอีกนิดหน่อย คือ ทำ Multi-user ไม่ได้, ย่อขยายหน้าต่างไม่ได้, 3finger drag ข้อความไม่ได้ ก็เลยคิดว่า macOS น่าจะเหมาะกว่า

ก็เลยเป็นอันว่า ตัดสินใจที่จะรอ Mac ARM ดังนั้น ระหว่างนี้ก็ต้องใช้อย่างอื่นไปก่อน ก็เลยใช้เครื่อง Windows ของออฟฟิศไปพลางก่อน

ตัวที่ใช้เป็น Lenovo L13 Yoga การใช้งานก็โอเค หลายๆ อย่างขัดใจเพราะทำแบบ macOS ไม่ได้ เช่น Crop screen แล้วโยนลงไลน์แบบเร็วๆ

ก็ใช้ไปก่อน จนกว่า Mac ARM จะมา

จากที่เริ่มใช้เบื้องต้น พยายามปรับพฤติกรรมให้ใช้ Windows ได้ พบว่า Windows ใหม่บนเครื่องนี้มันโอเคอยู่ มันเปิด Multi-Desktop ได้ ใช้ 4นิ้ว เปลี่ยนหน้า Desktop ได้, ใช้ 4 นิ้วปัดขึ้นเพื่อดูแอปทั้งหมดได้ ใช้ 3นิ้ว Drag ไม่ได้ มันจะกลายเป็นสลับหน้าต่างแทน, ใช้ 4นิ้วหุบลง เพื่อยุบทุกหน้าต่างได้

เดี๋ยวใช้ไปเรื่อยๆ ก็คงจะชิน ถ้ามันโอเค เราอาจจะไม่ต้องซื้อ Mac ทันทีที่มันออกรุ่น ARM ก็ได้

29/5/63

Member

ค่อนข้างขัดใจกับบริการต่างๆ ที่พยายามหาคนเข้ามาเป็นสมาชิก เยอะแยะบริการที่พยายามดึงคนเข้า ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งร้านข้าว บูท วัตสัน ปั๊มน้ำมันต่างๆ

เราต้องโปรโมทบัตรสมาชิกของเรา สิทธิประโยชน์ต่างๆ ดึงคนมาสมัคร และออกบัตรสมาชิกให้

คือ ทำไมไม่กำหนดไปเลยว่าทุกคนเป็นสมาชิกอยู่แล้ว บัตรสมาชิกก็ใช้เป็นบัตรประชาชนไปเลย มันเป็นอะไรที่ง่ายๆ เก็บข้อมูลได้ ไม่ต้องออกบัตรด้วย หรือถ้าบริการอย่างปั๊มน้ำมัน ก็เก็บจากทะเบียนรถไปเลย ทะเบียนนี้เติมเท่านี้บาท พอครบแต้ม ก็ถามเจ้าของรถนิดนึงว่า แต้มครบแล้ว จะแลกคะแนนเลยมั้ย แค่นี้เราก็อยากใช้บริการซ้ำแล้ว หรือร้านค้าก็ ยื่นบัตร ปชช. ได้ส่วนลด เก็บข้อมูลเข้าระบบไปเลย จบ

ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้ยาก ต้องโปรโมท ต้องออกบัตร

ปล. ยุค GDPR นี้อาจจะยากนิดนึง เพราะเก็บในทันทีไม่ได้ ก็คงต้องมีติ๊กแบบฟอร์มอะไรกันสักหน่อย แต่มั่นใจมาก ว่ามันทำให้ง่ายกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้แน่ๆ

1/5/63

My political perspective

พักนี้กลุ่มการเมืองในเฟซเริ่มคึกคัก ผลจากการโดนกักช่วงโควิด เข้าดูกลุ่มต่างๆ ก็สนุกดี บรรยากาศนึกถึงช่วงก่อนเป็นซึมเศร้ารอบแรก :P

เอาจริงๆ เมื่อก่อนตอนที่เริ่มสนใจการเมือง ผมก็คิดแบบชนชั้นกลาง และชนชั้นนำส่วนหนึ่ง ว่านเราไม่ควรมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพราะว่าเรามีความรู้ไม่เท่ากัน แต่จะเอาอะไรมาเป็นตัวกำหนด ว่าใครควรมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงได้เท่าไหร่ ในตอนนั้นก็ยังคิดไม่ออก ผมมองไปถึงว่า การออกข้อสอบ เพื่อประเมินว่าใครมีสิทธิ์ลงคะแนนเท่าไหร่

จนกระทั่งเจอคอมเมนต์จากใครก็ไม่รู้ (ต้องเป็นเพื่อนในเฟสแหล่ะ แต่คือจำไม่ได้จริงๆ ว่าใคร เรียกว่าคนไม่รู้จักดีกว่า เพราะจำไม่ได้จริงๆ) ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดไปเลย

เพื่อนให้ความเห็นว่า เราควรมีคนละ 1 คะแนนเท่ากัน เพราะเราล้วนเห็นแต่ตัวเท่ากัน มี 1 ชีวิตเท่ากัน รักตัวเอง รักชาติเท่ากัน และที่สำคัญ เราไม่รู้หรอก ว่าเราหรือเขา ฉลาดกว่ากันแค่ไหน

ด้วยคอมเมนต์สั้นๆ ผมเห็นภาพชัดเจนเลยว่า คนเท่ากันคืออะไร มันไม่ใช่ฉลาดเท่ากัน เก่งเท่ากัน หรือมีค่าเท่ากัน แต่มันเป็นเพราะ เราล้วนรักตัวเองเท่ากัน

29/4/63

Marlboro

วันนี้ขับรถผ่านป้ายรณรงค์เลิกสูบบุหรี่ของ สสส. นึกถึง Marlboro ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง หรือการปรับตัวทางธุรกิจของ Marlboro

มันนึกถึง Kodak นึกถึง BlackBerry, Nokia

แล้วก็นึกถึงธุรกิจที่ปรับตัวแล้ว อย่างกลุ่มแอลกอฮอล์ที่สมัยก่อนเจอข้อจำกัดที่ไม่สามารถโฆษณาเหล้าเบียร์ในบางเวลาได้ ก็หันมาทำน้ำดื่มในยี่ห้อเดียวกัน เพื่อให้โฆษณายี่ห้อได้ในทุกเวลา

หรืออย่างล่าสุดที่ Heineken หันมาทำเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ด้วยแล้ว ก็ปลดล๊อกข้อจำกัดตัวเอง ทั้งการประชาสัมพันธ์ และการขาย

นึกถึง Marlboro และกลุ่มธุรกิจยาสูบ ที่ยังไม่เห็นการปรับตัวอะไร นึกเสียดายโอกาสที่บุหรี่ไฟฟ้ามาถึง หยิบขึ้นมาทำยี่ห้อสักหน่อย ปรับสูตรให้เป็นยาสูบที่ดีต่อสุขภาพ ใช้จุดขายเดิมคือความเท่ของการเป่าควัน เท่านี้ก็ขยายตลาดได้ ทำน้ำยาเติมบุหรี่เป็นรสต่างๆ ทำกระแสของการปรุงน้ำยา แต่ละคนมีสูตรแตกต่างกันไป เป็นกิมมิคเล่นได้อีก

อีกอย่างที่นึกสงสัยคือ ที่ธุรกิจยาสูบไม่ปรับตัว เพราะมันยังโตได้ดีตามเดิมแต่เราไม่รู้เองหรือเปล่า เพราะสิงคโปร์ หรือจีนก็สูบเยอะ แค่เราเห็นของเราเองว่าบ้านเราไม่นิยมสูบแล้ว

20/4/63

Ford v Ferrari

เป็นหนังที่สนุกดี แต่เนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Ferrari เท่าไหร่เลย ดูช่วงแรก รู้สึกว่าหนังตบหน้า Ferrari ดูไปสักพัก ดูว่า หนังจะตบหน้า Ford มากกว่า แต่พอดูจบเรื่อง ไม่เกี่ยวกับทั้ง Ford ทั้ง Ferrari เลย

หนังสะท้อนภาพขององค์กรขนาดใหญ่ ที่เทอะทะ เรื่องมาก ขับเคลื่อนไปได้ด้วยคนซำเหมา และมีคนที่ดูดีทำตัวเป็นอุปสรรค์ ซึ่งมันค่อนข้างจะสอดคล้องกับองค์กรจริงๆ

ก็ เป็นหนังดีที่ควรดูครับ สนุกดี

TCAS Portfolio

พอดีขึ้นมหาลัย เลยได้ทำ Portfolio สำหรับรอบ TCAS ตอนแรกกะว่าจะจ้างทำ เพราะไม่คิดว่าทำกันเองจะรอด แต่ปรากฏว่าผ่าน ได้รับการคัดเลือกจาก ม. แห่งหนึ่ง เลยเป็นคำตอบว่า Port ไม่ต้องจ้าง ทำเองได้ ใช้ PowerPoint ปกติเลย

เหลือรอบหน้าพอเพียงอีกคน

ก็เลย เอาไฟล์มาเก็บไว้หน่อย เผื่อเป็นแนวทางให้คนอื่นๆ ว่า ทำเองก็ได้นะ ไม่ต้องไปจ้างหรอก

28/3/63

Couple

วันก่อนดูหนัง เจอคำนึง โดนมากเลย Soulmate คือ การเป็นคู่ชีวิต มันไม่ใช่แฟน สามี ภรรยา ผัว เมีย มันต้องเป็นคู่ชีวิต เป็นเพื่อนในยามยาก ช่วยแก้ปัญหา ให้ความอบอุ่น ความสบายใจ

ชีวิตคู่ != คู่ชีวิต

ชีวิตคู่เหมือนการลงทุนในหุ้น ในแต่ละวันเราลงทุนในเขา เขาลงทุนในเรา เราลงทุนด้วยเวลา และได้ผลตอบแทนเป็นความทรงจำ

ในทุกๆ วันที่ผ่านไป เราเห็นหุ้นอื่นอยู่ในตลาดมากมาย บางหุ้นมีคนซื้อไปแล้ว บ้างหุ้นยังว่างอยู่แต่ยากที่จะซื้อได้ บางหุ้นเปิดพร้อมที่จะให้เราลงทุน

เมื่อเราเจอหุ้นใหม่ เราจะคิด ว่าจะไปลงหุ้นนั้นดีมั้ย เพราะเราต้องถอนเวลาที่จะใช้ลงในหุ้นเดิมทุกวันๆ ไปลงที่หุ้นใหม่

มันสำคัญที่ตอนจะย้ายหุ้น เพราะเราจะดูผลตอบแทนของหุ้นเดิมก่อนที่จะย้าย เราลงหุ้นด้วยเวลา และได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นความทรงจำ ตอนที่เราจะถอนหุ้นออกมา ถ้าความทรงจำที่ได้ตอบแทนมา เป็นความทรงจำที่ดี เราก็จะอยากถือหุ้นเดิม เพราะเราไม่ชัวร์ ว่าหุ้นใหม่จะให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร แต่ถ้าหุ้นเดิม ให้ผลตอบแทนเป็นความทรงจำแย่ๆ เราก็คงย้ายหุ้นไปลงที่ใหม่ เพราะอย่างน้อยมันก็มีลุ้น

สิ่งที่ควรคำนึงถึง ไม่ใช่ผลตอบแทนจากหุ้นที่เราลงไป แต่ให้นึกถึง ว่ามีคนลงหุ้นที่เราอยู่เช่นกัน ถ้าเราไม่อยากให้เขาย้ายไปลงที่อื่น เราก็ต้องให้ผลตอบแทนที่ดี มันไม่ได้จำเป็นต้องดีมาก หรือดีกว่ากองอื่น แต่อย่างน้อย ผลตอบแทนมันควรจะออกมาเป็นบวก

ใครที่ลงหุ้นไว้ที่คุณอยู่ ให้ผลตอบแทนเขาดีๆ นะครับ อย่ากลัวว่าเขาจะเจอกองอื่น เพราะมันต้องเจอแน่ๆ คุณแค่มอบผลตอบแทนที่ดีไว้ ถึงเวลาที่เขาต้องตัดสินใจ เขาจะเลือกเอง

2/3/63

Wristwatch isn't watch

นาฬิกาข้อมือ เป็นเรื่องสั้นที่คุยกับเพื่อนในวงข้าวเมื่อวันก่อน

เป็นประเด็นที่ผมสงสัยมากๆ ว่า ทำไมนาฬิกาข้อมือมันถึงมีตั้งแต่หลักสิบ ไปจนถึงหลักแสนหลักล้าน แล้วนาฬิกาข้อมือที่ใช้ดูเวลาอย่างเดียว ทำไมมันถึงแพงกว่าพวก Smartwatch ที่มีฟีเจอร์เยอะแยะได้

คำตอบที่ได้จากเพื่อน (จริงๆ ก็เคยมีคนบอกอยู่นานแล้ว) ว่า นาฬิกาข้อมือมันไม่ใช่อุปกรณ์บอกเวลา แต่มันคือเครื่องประดับ มันเป็นแฟชั่น มันเป็นของที่ไว้บ่งบอกสไตล์ของเรา ซึ่งอันนี้เริ่มเข้าใจ เพราะเกิดมาเพิ่งเคยเจอคนที่ใส่นาฬิกาแล้วไม่ได้ตั้งเวลา คือ ใส่แค่เพื่อให้มันเข้ากับชุดในวันนั้นๆ

สำหรับผมแล้ว ตอนนี้ไม่ได้คาดอะไรเลย เรือนสุดท้ายคือ Lenovo watch X plus ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ฟีเจอร์และราคาถูกใจมากๆ แต่ดีไซน์ไม่โดน (นั่นไง ก็ใส่เป็นแฟชั่นเหมือนกันแหล่ะว๊าาา ไม่สิ เราเลือกฟีเจอร์ กับราคาก่อนไง ความสวยมันเอาไว้ทีหลัง) ก็ใส่จนมันพัง (คือ ทำหล่นะจนมันเพี้ยน) แล้วก็ไม่ได้ใส่นาฬิกาอีกเลย เพราะก็ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์อะไรแล้ว เวลาก็ดูในมือถือเอา ส่วนฟีเจอร์ด้านการแจ้งเตือนก็ ไม่มีอะไรเตือนเลย จะดูอะไรก็กดมือถือเป็นระยะๆ เอาเอง

สุดท้ายแล้วก็คือ ผมเป็นคนไม่ได้มีเซนส์ในเรื่องของการแต่งตัว แฟชั่น หรือสไตล์อะไรเลย จริงๆ แล้ว รู้สึกด้วยซ้ำ ว่า ถ้าเรามีคุณค่าอยู่แล้ว เราไม่จำเป้นต้องหาของที่มีค่าเพื่อมาเสริมค่าให้ตัวเอง คนที่จะต้องหาอะไรมาใส่เพื่อเสริมค่าให้ตัวเอง มันแปลว่าเขารู้สึกว่าตัวเขาไม่มีค่าหรือเปล่า ?

ส่วนนาฬิกาข้อมือก็ยังอยากได้อยู่นะ แต่เรือนที่อยากได้ยังไม่อยากควักกระเป๋าซื้อ

Why LINE

ทำไมถึงต้องเป็นไลน์ ? ผมบ่นอยู่เสมอๆ ถึงคุณสมบัติของไลน์ ที่มันไม่เหมาะจะเอามาใช้ในการทำงานเอาเสียเลย ในช่องก่อนที่ไลน์จะเป็นที่นิยม ซอฟต์แวร์ที่ใช้แชทเป็นหลักผมจะใช้เป็น Hangout ซึ่งถ้าพูดถึงปัจจุบันนี้ Hangout มันก็ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่แล้วล่ะ เพราะฟีเจอร์มันไม่ได้พัฒนาตามโปรแกรมแชทอื่นๆ เลย

แต่ถ้าจะให้บอกว่า ควรเป็นตัวไหนดีที่จะไม่ใช่ไลน์ก็ตอบไม่ถูก เพราะก็ไม่ได้ใช้โปรแกรมแชทเยอะนัก

มาดูโปรแกรมแชทดังๆ ในท้องตลาดก่อน ว่ามีอะไรบ้าง

  • LINE
  • WhatsApp
  • Messenger
  • WeChat

ที่เด่นๆ เลย ที่นึกออกก็ประมาณนี้ พวก Skype, Kakao, Viber, Slack etc. ตัดไปก่อน

ในลิสต์ทั้งหมดนั้น คือ เคยได้ลองแล้ว คิดว่าตัวที่ฟีเจอร์ตอบที่สุด และเหมาะจะใช้งานสุดน่าจะเป็น WhatsApp แต่ WeChat ก็ไม่ได้ใช้นานแล้ว ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง

ทำไมถึงไม่ชอบไลน์

มีเหตุผลไม่เยอะที่ไม่ชอบไลน์ แต่เป็นอะไรที่สำคัญ และ ถ้าแก้ได้ มันจะดีมาก

  • ใช้ในหลาย Device ไม่ได้ คือ ถ้าคุณมีมือถือมากกว่า 1 เครื่อง มัน Login ไลน์ทั้งหมดไม่ได้ ซึ่งก็คงมีเหตุผลของเขาแหล่ะมั้ง
  • ไฟล์จะหาย คือ ถ้าส่งไฟล์งานทางไลน์มันจะหายไปตามเวลา ถ้าเป็น Hangout ไม่หาย เพราะถ้าไฟล์ใหญ่มันก็ไปผูกกับ Google Drive ไปเลย
  • ไม่มีเวอร์ชั่นเว็บ คือ ถ้าเราลืมอุปกรณ์ก็ไม่ต้องติดต่อใครเลย ยืมเครื่องเพื่อนไม่ได้ เข้าเน็ตคาเฟ่ไม่ได้
  • เก็บข้อมูลใน Local คือ ถ้ามือถือหาย ไปซื้อเครื่องใหม่ พอ Login เราจะไม่ได้ข้อมูลเก่ากลับคืนมา
  • ใช้เบราว์เซอร์ของตัวเอง แล้วคือ เบราเซอร์มันยังไม่ดี (มันไม่เก็บ Session ก็นับว่าไม่ดีก่อนละ) จริงๆ แล้วถ้าเน้นแชท ใช้เบราเซอร์นอกดีกว่า หรือถ้าจะเน้นก็ทำเบราว์เซอร์เป็นแอปแยกออกมาไปเลย มันจะได้เก็บ Session และข้อมูลต่างๆ


ดูจากข้อเสียที่ผมลิสต์มา ไม่ใช่ฟีเจอร์ที่ตลาดต้องการเลย ดังนั้น ถ้าไลน์จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ก็จะไม่ได้แก้ไขข้อเสียที่ผมลิสต์มาหรอก แต่จะไม่ใช้ก็ไม่ได้ เพราะผู้คนเขาใช้กัน ดังนั้นก็ อยู่ๆ ไป

28/2/63

AD Self reset password

เจอปัญหาในส่วนของ User ใน AD

โจทย์

คือ มี User ใน AD ซึ่ง User จะต้องใช้ในการ Login Wifi ซึ่งตอนที่ใช้งาน Admin ก็ Create username และ Password เสร็จแล้ว User ก็จะใช้งาน Wifi ได้ ด้วย Username และ Password ที่ Admin ตั้งไว้ให้

ปัญหาคือ Admin ก็จะรู้รหัสของ User แต่ในตอนที่สร้าง User นั้น Admin สามารถกำหนดได้ว่า ให้เปลี่ยนรหัสผ่านเมื่อล๊อกอินครั้งแรก แต่อันนี้มันจะใช้ได้กับการที่ User Login เข้าหน้าเครื่อง อาจจะ Login หน้าเครื่องจริงๆ หรือ Remote login ก็แล้วแต่ มันจะมีกล่องมาให้เปลี่ยนรหัสได้ แต่ในกรณีนี้ เราสร้าง User เพื่อใช้งาน Wifi เท่านั้น ดังนั้น User ไม่สามารถเปลี่ยนรหัสผ่านได้เอง เพราะไม่มี UI ให้เปลี่ยนรหัส

อันนี้เลยเป็นโจทย์ว่า ต้องการหาเครื่องมือที่จะช่วยให้ User เปลี่ยนรหัสผ่านเองได้ (เพื่อที่เจ้าตัวจะได้รู้คนเดียว) ปรึกษา Support ก็ให้วิธีแบบง่ายๆ เลย ว่า ตั้งเครื่องเปล่าๆ ไว้เครื่องนึง แล้ว Join Domain ไว้ เพื่อให้ User มาล๊อกอินหน้าเครื่องแล้วเปลี่ยนรหัสได้ ซึ่งมันไม่น่าจะใช่วิธีที่ดีนะ ดังนั้น เราก็เลยต้องมาหา Solution เอา

ค้นหา

ก็ เจอคนมีปัญหาแบบเดียวกันนี้เยอะมาก แล้วก็ Solution ที่เสนอกันมาก็มีเยอะมาก แต่ที่เยอะเลยก็คือเครื่องมือที่เสียตังค์ แต่มันไม่ใช่ เพราะเราต้องการของฟรี

ตัวที่ดูแล้วน่าสนใจเป็นตัวชื่อ Passcore (https://github.com/unosquare/passcore) อีกตัวที่น่าสนใจก็ PWM (https://github.com/pwm-project/pwm) แต่ไม่ได้ลอง เพราะลอง Passcore สำเร็จไปก่อนแล้ว

วิธีการ

ก็ ไปเซ็ตเครื่อง AD มาใหม่โดยเลือกใช้เป็น Windows 2016 เพราะดูจะตรงกับเครื่องที่ใช้อยู่ แล้วก็ เปิดใช้ AD กับสร้าง User แล้วก็เปิด IIS ไว้ (วิธีการหาตามกูเกิลเลย) ไม่แน่ใจว่าต้องใช้ IIS หรือเปล่า เพราะหลังจากติดตั้งเสร็จ ตัว Passcore มันให้บริการที่พอร์ทของมันเอง เลยเข้าใจว่ามันน่าจะมี Web server อยู่เองแล้ว

ติดตั้ง PassCore ผ่าน PowerShell (วิธีการดูในลิงก์ของ PassCore ด้านบนเลย) พอติดตั้งเสร็จตัวติดตั้งจะอยู่ที่ c:\passcore รันไฟล์ชื่อ Unosquare.PassCore.Web.exe เสร็จแล้วจะมีหน้า Terminal ขึ้นมาแสดงว่าโปรแกรมกำลังทำงาน โดยมันจะบอกด้วยว่าเข้าใช้งานได้ที่ไหน โดยที่ผมเจอมันให้เข้าที่ localhost:5000 ก็ลองเข้าไปใช้งานตามนั้น ก็ใช้งานได้ตามต้องการ

ปัญหาที่พบ เจอว่ามันเปลี่ยนรหัสไม่ได้ ซึ่งปัญหานี้มีบอกที่ Troubleshooting ของหน้าโปรเจคอยู่แล้ว คือ ให้ไป Set 'Minimum password age' เป็น 0 ที่ 'Default Domain Policy' (กว่าจะหาเจอ โคตรยุ่งยาก ก็ ไป Google เอานั่นแหล่ะ)

จบสรุปว่าได้ Solution เรียบร้อย แล้วก็ได้บทเรียนว่า Windows Server มันทำอะไรได้เยอะ แต่การใช้งานโคตรยุ่งยาก ใช้แล้วแบบว่าเมา UI สุดๆ

10/1/63

Mi Roborock S6

เนื่องจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ เมื่อ 16/11/19 บ้านยังโล่งๆ อยู่ แล้วก็มันมีฝุ่น + ขนหมาอยู่ประปราย ก็เลยลองหาหุ่นกวาดถูสักตัว เลยไปได้ Roborock S6 มา รอบนี้เลือกของค่อนข้างง่าย คือ หาที่เป็น Xiaomi ก่อนเลย เพราะจะได้ใช้กับ Mi Home ที่ใช้อยู่แล้ว แล้วพอได้ยี่ห้อ ก็ดูที่เป็นรุ่นล่าสุดราคาถูกสุด ก็เลยมาได้ที่ตัวนี้

การทำงานก็น่าจะเหมือนที่เขารีวิวหุ่นกวาดถูทั่วไป คือ ตัดงานบ้านส่วนนี้ทิ้งไปเลย แค่คอยแกะถังฝุ่น กับเติมน้ำถูเท่านั้น ที่เหลือก็ไม่ต้องทำอะไร

การทำงานโอเคทั้งหมด ติดอย่างเดียวคือ เวลาเจอพื้นต่างระดับมันจะตกลงไปแล้วขึ้นไม่ได้ คือ มันโง่ไปนะ รถตำรวจที่เล่นตอนเด็กยังวิ่งไม่ตกโต๊ะได้เลย

สั่งมาใช้ตั้งแต่ 28/11/19 ราคา หมื่นสอง หรือหมื่นสาม จำไม่ได้ชัด แต่คำนวนคร่าวๆ แล้ว ใช้ 4 ปี ถึงจะคุ้มค่า ก็คงไม่ต้องทำอะไรนอกจาก ปล่อยให้มันทำงานไปจนครบ 4 ปี

ถ้าชั้นบนดูจะมีฝุ่นเยอะคงดูไว้อีกตัว แต่ก่อนจะสั่งเดี๋ยวจะเอาตัวนี้ไปวิ่งก่อน ว่ามันจะตกบันไดมั้ย เดี๋ยวได้เป็นซากซะฉิบ

Sick

ป่วยอีกแล้ว ป่วยไข้ๆ อาการคล้ายที่เคยเป็นเมื่อสัก 5ปี ก่อน ตอนนั้นโดนไปนอนให้น้ำเกลือ + ยาฆ่าเชื้อ ครั้งนั้นหมอบอกว่ามีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วก็ไม่ได้ถามว่ามันคือเชื้ออะไร

รอบนี้รู้สึกจะเป็นอีก อาการคล้ายเดิม คิดว่าน่าจะเป็นเชื้อตัวเดิม

คาดว่า คงมีแฟนคลับใหม่มาสิงอยู่กับเราแล้วล่ะ ก็คงได้อยู่ร่วมกันไปจนตาย :P

ปล. รอลุ้น ว่าต้องได้นอน รพ. มั้ย กินยามา 3 วันละ อาการยังไม่ดีขึ้นเลย