25/5/58

Me 3.0

คนเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมันก็เปลี่ยนแปลงอยู่ดี (มากน้อยอีกเรื่องหนึ่ง) เวลาที่ผมนึกกลับไปถึงตัวเองในสมัยประถม  (หรือเด็กกว่านั้น) ผมมองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะเป็นคนเดียวกับตัวผลในขณะนี้

ด้วยเวลาเปลี่ยน สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา เรารับรู้สิ่งต่างๆ ข้อมูลต่างๆ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมขยับจากเดิมมาเป็นคนใหม่ เป็นรุ่น 3.0

ทัศนะที่เปลี่ยนไปมาก แนวคิดเรื่องศาสนา สังคม การเมืองที่เปลี่ยนไป


  1. ผมไม่เคารพธงชาติ ก็แล้วแต่โอกาส แต่ผมไม่อยากยืนแล้ว ถ้าจะต้องยืนเพราะกลัวความแตกต่าง ถ้าผมจะยืน ขอให้ผมรู้สึกรักชาติจริงๆ ก่อน แน่นอน ต้องมีคนบอกว่า "ไอ้นี่มันแค่อยากเด่น" แต่ผมก็บอกได้เหมือนกันว่า "มึงก็แค่กลัวเป็นตัวประหลาด" ผมขำมาก เวลาที่ใครบอกว่า ต้องยืนเคารพธงชาติเพราะรักชาติ แต่เวลาอยู่ในบ้านหรือเวลาไม่มีคนเห็นก็ไม่เห็นจะยืน แล้วบอกว่า "ถึงตัวไม่ยืน แต่ใจยืนนะ" ก็ชวนให้สงสัยว่า แล้วเวลาเราไม่ยืนมันไม่คิดบ้างเหรอว่าใจเรายืนอยู่
  2. เลิกนับถือศาสนา แต่คงไม่ถึงกับไปเปลี่ยนในบัตรประชาชนล่ะครับ ก็คงปล่อยเดิมๆ ไว้ เพราะมันก็ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไร จุดเปลี่ยนจริงๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนามาจากหนังสือ A Brief History of Time ของ STEPHEN HAWKING ซึ่ง ลุงแกบอกประมาณว่า ที่เราเชื่อว่าแบบนี้แบบนั้น (เชื่อตามที่ศาสนาบอก) เพราะเราสบายใจที่จะเชื่อ และมีตัวอย่างประกอบ ซึ่งผมจำไม่ได้แน่นอน แต่ออกแนวประมาณว่า "คนประสบทุกข์เพราะกรรม" จริงๆ แล้วมันคือ "เราคิดว่าคนนั้นมีกรรม เพราะเขากำลังประสบทุกข์" คือ เราคิดว่าสิ่งนั้นๆ เป็นเหตุของผล แต่จริงๆ แล้ว ตัวผลนั่นแหล่ะ เป็นเหตุของสิ่งที่เราคิด เรียกว่า ตาสว่างเลยทีเดียว
  3. ผมเห็นถึงความเชื่อมโยงของ ความเชื่อ ศาสนา เศรษฐกิจ และ การเมืองมากขึ้น และยอมรับได้ว่า มันเกี่ยวพันกัน และขับเคลื่อนซึ่งกันและกัน

แน่นอนว่า มันค่อนข้างใหม่ในสังคมบ้านเรา แต่ก็เป็นธรรมดาแหละ โลกหมุนไปเรื่อยๆ และเราอาศัยอยู่แค่ในห้วงเล็กๆ ของกาลเวลา
จบ