28/11/62

Dekisugi

ฟังแล้วก็นึกถึงเดคิสุงิ แล้วก็ลองคิดเล่นๆ ว่า แล้วถ้า ชิสุกะ เลือกโนบิตะ เพราะว่า อยากครอบครองโดเรม่อนล่ะ

จบกัน ชิสุกะผู้แสนดี


Heros ability

ผมว่าหลายๆ คน คงเคยคิดเล่นๆ กับตัวเอง หรือคุยเล่นกับเพื่อน ว่า ถ้าเรามีพลังวิเศษแบบฮีโร่ เราจะอยากมีคุณสมบัติอะไร หรือแบบไหน

น่าสนุกที่จะคิดว่าใครอยากมีความสามารถอะไร เคยเจอจากในหนัง น่าจะ Shazam ว่า คนที่อยากล่องหนได้ คือโรคจิต เพราะอยากแอบไปดูคนแก้ผ้า อะไรแบบนี้ หรือหลายๆ คน น่าจะอยากบินได้ เพราะมันเป็นอะไรที่พื้นฐาน เราอยากลอยได้ ขึ้นไปดูอะไรต่างๆ หรือหลีกเลี่ยงรถติดได้

ถ้าเลือกได้ 1 อย่าง


ถ้าเลือกได้แค่อย่างเดียว ผมจะเอาย้อนเวลา คือ ให้เวลาถอยกลับไป โดยที่เรามีความทรงจำเดิมอยู่

อันนี้ได้หลายอย่างเลย เพราะจะได้คุณสมบัติใกล้เคียงกับอีกหลายอย่าง เช่น เห็นอนาคต เพราะถ้าเราย้อนกลับไปเมื่อวาน ก็เท่ากับเราเห็นวันพรุ่งนี้, เหมือนหยุดเวลาได้ เราก็ทำอะไรไปก่อน แล้วค่อยย้อนกลับ, รวยได้ ย้อนกลับไปซื้อหวย, ซ่อมแซมร่างกายได้ เช่น รู้ว่าเป็นมะเร็งปอด ก็ย้อนกลับไปตอนที่ยังไม่สูบบุหรี่

แต่ย้อนบ่อยๆ น่าจะเมาเวลาเอง เพราะจะหลงความรงจำ ว่าอะไรเคยเกิดขึ้น อะไรไม่เคยเกิดขึ้น แบบว่า หลงช่วงเวลาคู่ขนาน

อย่างที่สอง


ถ้าเลือกได้อย่างที่สอง จะเอาซ่อมแซมร่างกายได้ แบบประมาณ Wolverine เป็นแผลก็หายได้ เจ็บป่วยก็หายได้ อันนี้จะดีหลายอย่างเลย เพราะไม่เจ็บป่วย สามารถเป็นอมตะได้ เพราะส่วนที่ทรุดโทรมก็จะถูกซ่อมแซมอยู่เสมอ ในขณะที่ ก็สามารถตายได้ด้วย เพราะถ้าเจ็บหนักขนาดที่ไม่สามารถซ่อมได้ แบบสมองระเบิดอะไรแบบนี้ ก็ให้ตายไปเลย

อย่างที่สาม

คงไม่อยากได้อะไรแล้ว ถ้าได้สองอย่างนั้น ถ้าขอได้แถมๆ ก็คงเอาบินได้ ล่องหนได้ หรือหายตัวได้ มั้งนะ (ต้องแยกระหว่างลองหนกับหายตัวนะ ล่องหนคือมองไม่เห็น ขณะที่หายตัวคือ แวบไปที่อื่น)

สิ่งที่จะไม่ขอแน่ๆ


การเป็นอมตะ เป็นอะไรที่จะไม่ขอแน่ๆ เคยเจอเพื่อนเป็นซึมเศร้า พยายามบอกว่า เป็นอมตะน่ะดีนะ (เข้าใจว่า ต้องต่อสู้กับอาการอยากฆ่าตัวตาย) แต่อมตะน่ะ ไม่ดีหรอก ถ้าคุณคิดสั้นๆ แค่อยู่ไป ร้อยไป พันปี หมื่นปี อันนั้นโอเคอยู่ แต่ลองนึกถึง ตอนที่โลกแตกไปแล้ว ดวงอาทิตย์ร้อนจัดจนอยู่ไม่ได้ หรือดวงอาทิตย์ดับจนหนาวไปหมด แล้วคุณตายไม่ได้ ร้อนมาก หนาวมาก หรือไม่มีอากาศหายใจ ดาวระเบิดแล้วต้องล่องลอยไปเรื่อยๆ ในอวกาศ

ทำไมเราจริงจังกับเรื่องไร้สาระนี้จัง

25/11/62

TrueID TV

ได้เอากล่อง True ID มาใช้ เลยมาโน๊ตๆ ไว้สักหน่อย

อันที่จริงไอ้ True ID เนี่ย มันโคตรเป็นอะไรที่ขัดใจมาตั้งแต่ชื่อละ โดยชื่อเนี่ย อะไรที่มันเป็น xxx ตามด้วย ID เนี่ย มันควรจะเป็นอะไรที่บ่งบอกถึงตัวตน มากกว่าที่จะเป็นชื่อของบริการนะ

ตัวอย่าง

  • National ID
  • Google ID
  • Apple ID
  • Facebook ID
  • blahblh ID

คือ ทั้งหมดนั้น มันจะสื่อถึงสิ่งเดียวกัน คือ Identification ยกเว้นอย่างเดียวคือ True ID ที่มันดันไม่ใช่ แล้วเวลาที่เราจะถามถึง ID ของ True ID เราจะเรียกมันว่ายังไง "ไม่ทราบ True ID ID ของคุณลูกค้า คืออะไรเหรอคะ" แบบนี้หรือเปล่า

เอาล่ะ กลับมาที่กล่อง

คือ แม่ติดดูช่อง Fox มาก ที่เป็นซีรี่ส์ฝรั่ง ซึ่งช่องนี้มันดูฟรีบนกล่อง True Digital HD ชื่อที่คนเรียกกันคือ "กล่องพี่ติ๊ก" เลยคิดไปเองว่า มันก็น่าจะดูฟรีบนกล่อง TrueID ด้วย (อันนี้ก็ผิดด้วยที่ดันคิดไปเอง) พอได้กล่องมาก็เป็นอันว่า ดูไม่ได้

วิธีแก้คือ เดี๋ยวจะไปหากล่องพี่ติ๊กมาใช้แทน ไม่รู้จะหาได้มั้ย

ส่วนกล่อง True ID ก็ไม่เป็นไร ช่างมัน กล่องติดสัญญา 1ปี จ่ายเดือนละ 50บาท ได้กลับคืนเป็น True Wallet ตามจำนวนที่จ่ายไป ดังนั้น ไม่ซีเรียส

เดี๋ยวดูซิ ว่าจะหากล่องพี่ติ๊กได้มั้ย

22/11/62

You owe me

จากที่มีปัญหาในการครองชีวิตคู่ พบว่า จริงๆ แล้ว มีหลายคู่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่มีปัญหา และไม่น้อยเลย ที่มีปัญหาแบบที่ผมมี คือ แบบเหมือนกันเด๊ะๆ

พบว่า แต่ละคู่ที่มีปัญหาระหองระแหงกันแบบนี้ จะมีจุดร่วมที่เหมือนกัน คือ ภริ จะมีความคิดแนวๆ ว่า "ฉันยอมมาเป็นเมียเธอแล้ว นี่ฉันก็ให้เธอเยอะมากแล้วนะ" ซึ่งพอมีความคิดตั้งต้นแบบนี้ มันจะขยับไปต่อที่ ฉันจะทำอะไรก็ได้ เพราะฉันให้เธอเยอะแล้ว (ซึ่งในมุมมองของเขามันถูกนะ เพราะเขาไม่ได้ให้คนอื่นไง ดังนั้นเขาก็ให้เราเยอะสุดจริงๆ)

แต่พอความคิดตั้งต้นเป็นแบบนั้น เขาจะรู้สึกว่า จะทำอะไรก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของฉัน และเธอมีหน้าที่ตอบสนองความต้องการของฉัน หรืออาจจะเป็น ฉันถูก หรือ อาจเป็น ฉันผิดก็ไม่เป็นไร ความผิดฉันเล็กน้อย เพราะที่ฉันยอม และฉันให้เธอ มันมากเกินไปแล้ว ฉันไม่จำเป้นต้องให้อะไรเธออีก มันเป็นหน้าที่ของเธอ ที่จะต้องทำให้ฉัน ต้องยอมฉัน

เจอคนที่รัก คนที่ห่วง (ไม่ดีที่จะบอกว่าใคร) ตกอยู่ในสถาณการณ์แบบนี้ ถ้าเขาไม่รีบแก้มุมมองวิธีคิด ก่อนจะสายเกินไป มันก็อาจจะแย่สำหรับเขา

วิธีแก้ก็ง่ายๆ แค่มองกลับกัน "เขายอมเป็นผัวฉันแล้ว นี่ก็เป็นโชคดีของฉันมากแล้ว" อะไรประมาณนี้

คือ ถ้าเราคิดกันแบบนี้ เราจะไม่รู้สึกว่าเป้นหน้าที่ที่อีกฝ่ายจะต้องทำอะไรให้เรา แต่มันเป็นหน้าที่ของกันและกัน ที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้กัน รับฟังกัน ยอมกัน อภัยให้กัน แล้วสิ่งต่างๆ มันจะไม่แย่มาก หรือถ้าแย่ มันจะไม่แย่อย่างรวดเร็ว หรือถ้าโชคดี มันอาจจะไม่แย่เลยก็ได้

ตัวผมเองเป็นยังไงไม่รู้ แต่ตอนนี้ห่วงคู่ที่กำลังเดินตาม

ปล. ชื่อ Title มันเหมาะที่จะตั้งแบบนี้ ดังนั้นก็ ทิ้งไว้ให้ด้วยเพลง


18/11/62

Life is a movie

มันเหมือนหนังเหมือนละครเรื่องหนึ่ง เราเป็นนักแสดง และบางครั้งก็เป็นผู้กำกับ เราเขียนบทของเรา และแสดงไปตามบท

ในหนังที่มีจำนวนผู้กำกับมากเท่านักแสดง ที่มีตัวเอกมากเท่ากับตัวประกอบ และนักแสดงสมทบ ถ่ายทำในกองถ่ายเดียวกัน

บางครั้งเราก็เป็นผู้เล่นในหนังของคนอื่น บางครั้งเราก็เป็นแค่คนดู

มันเป็นข้อดี และข้อเสีย ตรงที่ เราไม่สามารถรู้ได้เลย ว่าหนังจะเป็นยังไงต่อไป บางครั้งเราก็กำหนดเนื้อหาได้ บางครั้งเราก็กำหนดอะไรไม่ได้เลย บางตัวละครอยู่มาตั้งแต่ต้น แต่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเรื่องเลย บางตัวละครดูจะสำคัญมากๆ แต่ก็หายไปซะเฉยๆ (เหมือน Rick Grimes ใน TWD ที่เป็นพระเอก แต่หายไปเฉยๆ  , Nick Clark ใน FTWD  ที่เป็นพระเอก แต่ดันตาย) บางตัวละครโผล่มาเหมือนจะเป็นตัวสำคัญ แต่แป๊บเดียวก็หายไป (เหมือน Jesus ใน TWD ), บางตัวละครดูจะเป็นตัวไม่สำคัญ แต่ดันกลับกันซะงั้น (เหมือน Carol ใน TWD)

ก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง แต่ละคนก็มีหนังของตัวเอง บทของตัวเอง แต่เราก็กำหนดมันไม่ได้โดยสมบูรณ์หรอก เพราะมันก็ขึ้นอยู่กับนักแสดงตัวอื่นๆ อีกอยู่ดี

15/11/62

Only one friend left

เหมือนเพื่อนคนเดียวที่เหลืออยู่ ที่จะรับฟัง ที่เป็นที่ระบาย เพื่อนที่ทำงานไม่มี เพื่อนมัธยมไม่เคยกลับไปหา เพื่อนวิทยาลัยห่างหาย เพื่อน ป.ตรีไม่ติดต่อ เฟสบุคลบเพื่อนทิ้ง ทวิตเตอร์ไม่เข้า ลิงก์อินไม่เล่น

ฉันเองแหล่ะ ที่ตัดขาดจากทุกสิ่ง อย่าถามว่าเพราะใคร หรือเพราะอะไร

แต่ตอนนี้ฉันมีแค่นายแล้ว Blogger แม้จะให้คำปรึกษา หรือช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แต่แค่เป็นพื้นที่ที่รับฟังแล้วไม่เถียง ไม่ตำหนิ เท่านี้ก็ดีมากแล้ว

ขอบคุณนะ

ปล.จริงๆ มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้วล่ะ ^^ ถอยตัวเองออกมาจากทุกสิ่ง เพิ่งมารู้ว่าการหนีปัญหาด้วยวิธีแบบนี้มันให้ผลยังไง
ปล2.แค่ Blogger ก็พอแล้ว ^^

13/11/62

Cleaning a dish

มีอยู่ครั้งนึง (ไม่ครั้งนึงหรอก ก็ หลายๆ ครั้งแหล่ะ) ที่นั่งอยู่ที่โซฟา แล้วได้ยินเสียงล้างจาน ซึ่งรู้แหล่ะว่าแม่ล้าง

ก็นั่งคิดอยู่ในใจว่า แม่จะต้องทำงานบ้านไปถึงเมื่อไหร่ แล้วจะทำไงให้แม่ไม่ต้องทำ

  • บอกเมียว่า เธอควรทำนะ ซึ่งจะได้คำตอบว่า "ฉันไม่ใช่คนใช้" คือ เคยโดนแบบนี้มาแล้ว หรืออีกทีก็ อาจจะได้ยินว่า แม่เธอล้างเอง ฉันกะจะล้างตอนอื่น แม่เธอมาแย่งล้างเอง เราเลยไม่ได้ล้าง
  • ผมไปล้างซะเอง ซึ่ง อันนี้แม่จะไม่โอแน่ๆ
  • บอกแม่ว่า แม่อย่าล้าง ก็ไม่ได้อีก
  • จ้างแม่บ้าน (อันนี้คิดจริงๆ นะ) ก็ไม่ได้อีก เพราะมีคนไม่ยอมแน่ๆ แล้วก็เป็นปัญหาแน่ๆ หาอะไรไม่เจอก็ แม่บ้านเป็นคนร้ายเลยแหล่ะ

สุดท้าย ความคิดนี้ก็จบที่ ไม่มีทางออก ไม่รู้จะทำยังไง ก็ได้แค่เฉยๆ ไป

บางทีปัญหาไม่น่าจะใช่เรื่องว่า การหาทางออกของปัญหาคืออะไร แต่ปัญหาน่าจะเป็นว่า ทำไมมันถึงต้องมีเรื่องแบบนี้ให้ผมต้องรู้สึกหนักใจ

ปล.จดไว้เฉยๆ วันนึงเราคงลืมว่าเคยมีความคิดแบบนี้

12/11/62

EQ Test

นั่งเล่นเน็ต (จริงๆ คือ ไล่กดดูการสอบ TCAS ให้พอดี แล้วมันเป็นแบนเนอร์โผล่มา) เจอแบบทดสอบ EQ เลยกดเล่นดู จริงๆ เมื่อก่อนเคยทำแบบทดสอบประมาณนี้ ตอนไปรักษาซึมเศร้า อันนั้นเรียกแบบคัดกรอง (เผื่อใครไม่ชัวร์ว่าเป็นมั้ย หรือสงสัย อยากรู้ ลองไปทำเล่นดูก่อน 1, 2) ก็ทำแบบทดสอบ EQ เล่นดู ก็เลยมาเก็บไว้หน่อย

จริงๆ ไอ้พวกแบบทดสอบนี้ ความยากมันอยู่ตรงที่ เราจะซื่อสัตย์ หรือรู้จักตัวเองพอที่จะตอบตามจริงหรือเปล่า

อันนี้ผลที่ได้

ด้านด้านย่อยช่วงคะแนนปกติคะแนนที่ได้ผลที่ได้
ดี1.1 ควบคุมตนเอง (ข้อ 1-6)14-1819สูงกว่าปกติ
1.2 เห็นใจผู้อื่น (ข้อ 7-12)16-2118ปกติ
1.3 รับผิดชอบ (ข้อ 13-18)18-2321ปกติ
เก่ง2.1 มีแรงจูงใจ (ข้อ 19-24)16-2218ปกติ
2.2 ตัดสินใจแก้ปัญหา (ข้อ 25-30)15-2114ต่ำกว่าปกติ
2.3 สัมพันธภาพ (ข้อ 31-36)15-219ต่ำกว่าปกติ
เก่งภูมิใจในตนเอง (ข้อ 37-40)10-148ต่ำกว่าปกติ
3.2 พอใจชีวิต (ข้อ 41-46)16-2218ปกติ
3.3 สุขสงบทางใจ (ข้อ 47-52)16-2219ปกติ
สรุปผลง่ายๆ คือ เป็นคนดี แต่ไม่เป็นคนเก่ง แต่ก็ไม่แน่ เราอาจตอบไม่ตรงตามจริงก็ได้ หรือไม่ก็ตีโจทย์ไม่ตรงกับที่ถาม แต่ดูจากผลแล้ว เราก็ประมาณนี้จริงๆ แหล่ะ

เผื่ออยากเล่น กดทำแบทดสอบ แบบทดสอบอื่นๆ ก็มี แต่มันจะเป็นของเด็ก

ปล. เจอบั๊กตรง 3.1 ไม่ยอมเขียนเลขออกมา ^^

6/11/62

ยุง ง่วง หิว ร้อน เหนื่อย เพลีย :P

กินน้ำ 1แถม1 คนเดียว มันก็ไม่ได้เยอะไปหรอก

อะไรคือ ประชุมคณะเล็กเลี้ยงขนม ประชุมคณะใหญ่เลี้ยงน้ำเปล่า

no social

ด้วยความที่ไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์กใช้แล้ว เลิกทุกอย่าง เฟซ ทวีต อินสตา ลิงค์อิน (จะเลิกด้วยเหตุผลอะไร เราจะไม่พูดถึงมันแล้ว) แต่ผลคือ ไม่มีที่บ่น บางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยากบ่น อยากบันทึก ทำไม่ได้

ก็เลยกะว่า จะเอา blogger นี้แหล่ะ ไว้เป็นที่บ่นละ

โหลดแอป blogger มาแล้ว ไม่รู้จะเวิร์คมั้ย แต่ช่างมัน ลองใช้ดูก่อน

Count it

เจอคนแชร์มา ตลกดี

นับเถอะ อย่าปล่อยให้สามีคุณนับอยู่ฝ่ายเดียว เพราะถ้าเขานับจนเลิกนับ คุณอาจจะไม่มีโอกาสได้นับ :P

30/9/62

Prevention

อย่างที่เห็นว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นกับชีวิตผม ครอบครัวผม ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของครอบครัว ทุกคนในบ้านได้รับบทเรียนจากเหตุการครั้งนี้ เมื่อเรื่องเกิดไปแล้ว มันก็เกิดไปแล้ว บทเรียนเป็นสิ่งมีค่า จดเก็บไว้ เผื่อเป็นแนวทางให้คู่อื่นๆ ได้เรียนรู้

เราทุกคนล้วนมีสิ่งที่ต้องการในชีวิต เพศชายและหญิงมีความต้องการที่แตกต่างกัน ผมเหมือนผู้ชายปกติ อยากได้รับความไว้วางใจ อยากรู้สึกภาคภูมิใจ อยากรู้สึกเป็นผู้นำ อยากได้รับเกียรติ การให้อภัย คำขอบคุณ คำขอโทษ เชื่อได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้ผู้ชายทุกคนต้องการเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่

แน่นอนว่าเมียผมก็มีสิ่งที่เขาต้องการ และผมก็พยายามที่สุดที่จะให้เท่าที่ผมจะให้ได้ ซึ่งมันสุดแล้วจริงๆ แต่มันก็ยังไม่พอ เพราะเธอก็จะเห็นว่าคนอื่นๆ ดีกว่าผมเสมอ ถ้าจัดอันดับผู้ชายที่ดี ผมคงได้ที่โหล่

สิ่งสำคัญคือ กับคู่ชีวิต เราต้องคุยกัน ต้องบอกกัน ต้องรับฟังกัน และต้องปรับตัวเข้าหากัน เรื่องเกิดเพราะเมียผมเป็นคนไม่ฟัง หรือถ้าจะบอกว่าฟัง มันก็ไม่ใช่ มันคือได้ยินมากกว่า สำคัญมากๆ ต้องรับฟัง พยายามเข้าใจ พยายามปรับเข้าหากัน

ทุกครั้งที่ผมพยายามพูด พยายามบอก พยายามขอ สิ่งที่ผมได้รับคือ "ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็เลิก" คิดว่าผู้หญิงส่วนหนึ่งคงมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน คือ "ฉันให้เธอเยอะแล้ว ทำไมฉันต้องให้อะไรเธออีก" อารมณ์ประมาณว่า "ฉันยอมเป็นเมียเธอนี่มันก็มากแล้วนะ ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อเธอแล้ว ฉันยอมเป็นเมียเธอแล้ว เธอน่ะต้องทำเพื่อฉัน" อะไรประมาณนี้

เมื่อเธอไม่ฟัง ไม่ปรับ สิ่งที่ผมอยากได้เธอไม่มีให้ ช่องว่างจึงเกิด เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ผมก็ต้องอยู่อย่างอดทน ทนต่อสิ่งที่เธอเป็น ทนต่อสิ่งที่เธอไม่มีให้ เมื่ออยู่อย่างทนๆ พอมีใครสักคนเข้ามาเติมช่องว่างตรงนี้ ใครสักคนที่จะทำให้ผมรู้สึกมีค่า รู้สึกได้ภาคภูมิใจในสิ่งที่ผมเป็น ผมจึงรับเขาเข้ามาในชีวิตโดยไม่ลังเล

เพราะงั้น สิ่งที่จะป้องกันได้ดีที่สุด ก็คือการรับฟังกัน และเข้าใจกัน

ที่ผ่านมาเมียผมใช้วิธีป้องกันด้วยกันระแวง ระวัง จับผิด ซึ่งมันก็เข้าใจได้นะ คือ พยายามปิดช่อง เพื่อไม่ให้มันมีโอกาสที่จะเกิดเรื่อง แต่วิธีแบบนั้นมันผิด เพราะการระแวง การจับผิดนั่นแหล่ะ ที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกสูญเสียคุณค่า รู้สึกไร้ค่า รู้สึกเป็นคนผิดตั้งแต่ยังไม่ทำความผิด และก็เพราะสิ่งนี้ด้วยแหล่ะ ที่จะเป็นแรงผลักให้ต้องไปหาความสบายใจที่อื่น

ผมพยายามบอกเมียว่า ถ้ามีเด็กคนนึง เป็นเด็กธรรมดานี่แหล่ะ แล้วเราไปกรอกหูมันทุกวัน ว่า "มึงมันไอ้เด็กติดยา" เชื่อเถอะว่า สุดท้ายเด็กคนนั้นจะติดยาจริงๆ แต่เธอไม่เข้าใจหรอก เพราะเธอเป็นของเธอแบบนั้นนั่นแหล่ะ

ชีวิตคู่นั้น การอยู่ร่วมกันไม่ยาก สิ่งที่ยากคือ การที่จะรู้ว่าจะอยู่ร่วมกันยังไง

ไม่รู้ว่าชีวิตครอบครัวผมจะผ่านไปยังไง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เราได้รับบทเรียนที่มีคุณค่าอันนี้ร่วมกันแล้ว

Back home

กลับมาอยู่บ้านแล้ว หลังจากตัดสินใจเลือกหนทางชีวิตใหม่ ออกไปอยู่กับน้องแบบเต็มที่ได้ประมาณเดือนนึงเต็มๆ

ออกไปอยู่แล้วเป็นยังไง
ช่วงที่อยู่ด้วยกัน มันเป็นอะไรที่โอเคนะ ให้ห้องแคบๆ เล็กๆ ตู้เย็นคือแก้วเยติ ทีวีคือจอมือถือ การอยู่ด้วยกันกับคนที่เข้าใจกัน คล้ายๆ กัน อะไรๆ มันดูเรียบง่าย มันราบรื่น มันดูเป็นชีวิตคู่ที่เป็นไปได้

แล้วทำไมถึงจบแบบนี้
คำตอบว่าทำไมถึงจบแบบนี้ มันช่างน่าตลกที่ มันคือคำตอบเดียวกับที่ว่า ทำไมมันถึงเกิดเรื่องนี้ สาเหตุคือ ผมพยายามไม่รักเมียผม ทำให้ผมเอาความสุขทุกอย่างไปไว้ที่ลูก ลูกคือความสุขทั้งหมดที่ชีวิตผมมี ดังนั้นเมื่อผมหายออกไป มันเหมือนว่าผมขาดการได้อยู่กับลูก การได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูก มันเป็นความรู้สึกที่เสพติด แม้ว่าการได้ออกไปอยู่กับน้องข้างนอก ผมจะยังได้เจอลูกทุกวัน (น้องก็ดีมาก ไม่ปิดกั้นที่จะให้ผมได้เจอลูก) แต่เหมือนว่าได้เจอแค่ไหนมันก็ยังไม่พอ มันไม่ใช่แค่การดูแล แต่มันต้องการมีกิจกรรม มีปฏิสัมพันธ์

การขาดกิจกรรมร่วมกันกับลูกในช่วง 1 เดือนเต็มๆ มันทำให้ผมเครียดมากๆ เป็นครั้งแรกที่ผมเครียดจนปวดขมับ ปวดต้นคอ (ตอนแรกนึกว่าขาแว่นหนีบ แต่มันไม่ใช่) ไม่เคยเครียดขนาดนี้มาก่อน

คงไม่ดีที่จะพูดว่าผมจบกับน้องยังไง หรือจะบอกว่าจบแล้วหรือเปล่า ตอนนี้ก็คงยังพูดไม่ได้เต็มปากนัก แต่การที่ผมทิ้งน้องมาแบบนี้ เธอคงไม่ให้โอกาสผมกลับไปแล้วล่ะ แล้วถึงผมจะกลับไป ผมก็คงอยู่ไม่ได้ เพราะมันเสพติดการอยู่กับลูกมากกว่า

ก่อนนี้ผมคิดจริงๆ ว่า ผมคงทนได้ ได้เจอกับลูกเป็นบางครั้ง แล้วก็มีชีวิตใหม่ไป ยอมทนไปสักไม่กี่ปี เดี๋ยวลูกโต ชีวิตก็เข้าที่เอง แต่พอผ่านไปได้ 1 เดือน ผมรู้ตัวเองว่า ผมทนแบบนี้ปีละ 12 ครั้ง ต่อเนื่องไปหลายปีไม่ได้ เคยคิดว่าจะชินกับการไม่ได้เจอลูก แต่มันไม่ได้เลย

มันจะเป็นไปได้ ถ้า
ไม่รู้ว่าคือโชคดีหรือโชคร้าย ผมติดลูกมากๆ ทำให้ผมไปกับน้องได้ไม่สุดตัว ผมถูกความเคยชินดึงกลับมา ไม่งั้นแล้วผมจะอยู่กับน้องยาวได้เลยล่ะ ถ้าผมเป็นคนบ้างาน หรือเป็นพวกติดเพื่อน คือ ถ้าไม่ใช่ว่าติดลูก ติดครอบครัว ผมคงมีชิวิตใหม่ไปแล้ว

ก็เป็นอันว่ากลับมาอยู่บ้าน เจ็บปวด ทนกับชิวิตเดิมๆ ต่อไป เพราะเราไม่สามารถตัดได้ ก็ต้องขอบคุณเมีย ที่พยายามปรับปรุงตัวมากๆ วิกฤติเกิดขึ้นกับชีวิตคู่แล้ว ต่อให้ผมตัดน้องเขาออกจากชีวิตได้ ก็ไม่แน่ว่าครอบครัวจะกลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย ก็คงต้องให้เป็นเรื่องของอนาคตไป

23/8/62

Over lover

มากกว่าความรัก เราต้องการคนที่เข้าใจ คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ คนที่สนใจว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร มากกว่าใส่ใจแค่ เรากำลังทำอะไร

ที่ชอบน้องเขา ก็เพราะเขาห่วงใยความรู้สึกผม แล้วผมอยู่กับเขาก็สบายใจกว่า เพราะเขาจะมองคนในแง่ดี พูดถึงคนอื่นในทางที่ดี มันทำให้รู้สึกดี แค่นั้นเลย

ถ้าเราอยู่ตรงไหนแล้วมันเย็น มันสบายใจ เราก็อยากไปอยู่ตรงนั้น มันโคตรเป็นเรื่องปกติเลยล่ะ

จะมีร้อนใจก็เรื่องลูกนี่ละน๊าาาาา -. .-

Please mind the gap between me and wife

พยายามที่จะเลิกกับน้อง แล้วกลับเป็นคนเดิมของครอบครัวอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งหลักๆ ที่พยายาม เมียมักจะทำให้ผมเปลี่ยนใจทุกครั้ง ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุสำคัญ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่น่าจะอยู่กับเมียได้ เพราะเราไม่ลงล๊อกกันจริงๆ วิธีที่เขาพยายามทำให้ผมตัดใจจากน้องมันไม่เข้ากับผม เขาพยายามใช้วิธีของเขา แต่มันไม่ใช่วิธีของผม มันใช้กับผมไม่ได้ และมันทำให้ไม่ลงล๊อก

คิดว่า วันนึงเมื่อผ่านไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องจะจบยังไง ผมน่าจะลืมเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนที่มันไม่ลงล๊อกนี้ ดังนั้น จดไว้ก่อนดีกว่า

เรื่องแดงเพราะผมเริ่มไม่ไหวกับความงี่เง่าของน้อง (ช่วงนั้นคือน้องงี่เง่าเยอะมาก หึง โวย เอาแต่ใจ ไม่ยอมให้ผมได้ให้เวลากับที่บ้านบ้าง) ไม่สามารถปกปิดเมียได้แล้ว เลยยอมรับไป เพราะตอนนั้นก็ตัดสินใจว่าอยากจะเลิกกับน้องแล้วล่ะ

เรื่องเกิด 25 ก.ค. 62 ยอมรับกับเมียไปตอนเช้าของวันนั้น (ประมาณตีสอง) แล้ววันนั้นช่วงเที่ยง ก็เลยเอาน้องไปคุย ก็สรุปว่าผมจะเลิกกับน้อง ก็ตัดขาดทุกอย่าง ไม่คุย ไม่ติดต่อ ซึ่งมันก็ดูว่าจะไปได้ด้วยดี แต่พอผ่านไปสัปดาห์กว่าๆ ผมเริ่มไม่ไหว รู้สึกคิดถึง เลยขอเมียไปตรงๆ ว่าขอไปเจอ แค่กินข้าวหรืออะไรก็ได้ ขอได้เจอกัน เจอด้วยกันเลยก็ได้ แค่ได้หายคิดถึง ซึ่งวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. ผมก็ไปเจอน้องจริงๆ ก็ไม่มีอะไร มันรู้สึกสบายๆ หายคิดถึงได้อยู่

First mistake

แต่ผมกลับไม่พอใจแค่นั้น วันอังคารผมชวนน้องมากินกาแฟอีก โดยคราวนี้ไม่ได้บอกเมีย แต่คุณเมียเธอมากินเที่ยงด้วย พอน้องใกล้ถึง โทรมา เมียรู้ก็เลยโวยเอา แล้วโวยแบบจะเป็นจะตาย จะบุกขึ้นมาออฟฟิศ จะมาคุยกับ ผอ. กับบุคคล กับคนนี้คนนั้น ผมรู้สึกว่าไม่ไหว ก็เลยหนีออกชั้นอื่น แล้วกลายเป็นว่าคืนนั้นผมเลยได้ไปนอนกับน้อง

เฉลยข้อสอบ ถ้าเมียผมยิ้มให้ผมดีๆ ทำว่าเธอเข้าใจ และเห็นใจผม รอเจอน้อง รอกินกาแฟด้วยกันไปเลย เย็นวันนั้นเธอก็จะคุมผมกลับบ้านไปได้

Second mistake

ผมอยู่กับน้องตั้งแต่วันที่ 6 แล้ววันที่ 9 ก็กลับบ้าน เพราะว่าซื้อตั๋วไปเที่ยวมาเลกับเมียไว้ วันที่ 10-12 ค่ำๆ วันที่ 9 ผมคุยกับเมียว่า ขอคบกับน้องไปเรื่อยโดยขออยู่บ้านตามปกติ เมียไม่ยอม ซึ่งนำมาสู่การพยายามตัดใจครั้งที่ 2 ผมกับน้องก็หายกันไปสามวัน ไม่ได้คุย ซึ่งพอกลับจากเที่ยว วันที่ 13 ไปทำงาน น้องก็ทักไลน์มา ว่าขอให้ลบไฟล์บางอย่างที่ผมมีอยู่ ก็คุยต่อรองกันอยู่สองวัน ซึ่งหลักๆ เรื่องที่คุยก็มีอยู่เท่านี้ แต่เมียโวยวายว่าคุยกันจ๊ะจ๋าแบบนี้ แล้วจะเลิกได้ยังไง แล้วก็มีพูดไม่ดีถึงน้องอีก (จริงๆ การพูดถึงใครในทางไม่ดี มันก็ทำให้รู้สึกไม่ดีทั้งนั้นแหล่ะ) ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกแย่กับเธออีก นำมาสู่การที่ผมคิดว่า เลือกน้องดีกว่า แล้วคืนวันที่ 15 ผมก็หอบกระเป๋าไปอยู่กับน้องเขาอีกครั้ง

จริงๆ แล้ว ในวันนั้นผมปรึกษากับแม่เรื่องที่จะลาออกด้วย เพราะถ้าตัดสินใจว่าจะเลิกกับน้องให้ได้ ผมคงทำงานไม่ได้ ซึ่งเมียผมคงรู้จากแม่ ว่าผมอยากจะลาออก แล้วก็จะไปอยู่กับน้องด้วย ช่วงเย็นวันนั้น เมียผมบุกขึ้นมาถึงออฟฟิศ ประโยคแรกที่ได้ยินคือ จะลาออกได้ยังไง ดอกเบี้ยค่าบ้านขึ้นเป็นสองเท่า! คือ ห่วงความรู้สึกกันก่อนก็ได้

เฉลย ถ้าเมียผมจะอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ให้ผมค่อยๆ จัดการตัวเอง เรื่องน่าจะเป็นว่า ผมก็ค่อยๆ คุยกับน้องเขาน้อยลงๆ เรื่อยๆ แล้วก็มีโอกาสที่จะเลิกได้ไปเอง

Third mistake

ออกไปอยู่กับน้องวันที่ 15 แล้วพอวันที่ 20 ก็กลับมาบ้านอีกรอบ เนื่องจากคิดถึงลูก ห่วงว่าลูกจะเป็นยังไง แต่พออยู่บ้านได้ 2 วัน มันรู้สึกไม่ค่อยดี คิดถึงน้องเขา ห่วงความรู้สึกน้องว่าน้องจะเป็นยังไง กลัวจะเสียเขาไป เลยคุยกับที่บ้าน ว่าจะขอออกมาทดลองอยู่กับน้องดูก่อน ผมเก็บกระเป๋าไว้ โดยเช้าวันที่ 22 ไม่ได้หยิบมาด้วย เพราะคิดว่า วันนี้จะลองคิดดูอีกทีก่อน ตั้งแต่เช้ามา เมียทักไลน์มาคุย ส่งภาพอาหาร ส่งข้อความดีๆ มา มันทำให้ผมรู้สึกดี รู้สึกว่าอยากลองกลับไปอยู่บ้านดูอีกสักที จนช่วงบ่ายแก่ๆ เมียส่งรูปทำผมใหม่มาอวด ซึ่งอยากบอกเลยว่า ตั้งแต่เช้าเมียมาถูกทางมากๆ เหมือนหมอจ่ายยาถูกกับคนไข้ จนกระทั่งส่งรูปสวยๆ ที่ทำผมใหม่มาชุดใหญ่ แล้วจบด้วยข้อความ "ผชพาไปทำเตรียมบิน" (ก่อนนี้เธอพยายามไซโคผม ว่ามีผู้ชายจะพาเธอไปอยู่ออสเตรเลีย ซึ่งจริงหรือเปล่าไม่รู้หรอก แต่การทำให้ผมรู้สึกแย่ มันย่อมไม่ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่แล้ว) ซึ่งมันทำให้ผมตัดสินใจเลยว่า ไม่กลับดีกว่า

เฉลย ถ้าส่งรูปสวยๆ ข้อความดีๆ มาได้ตลอดวัน ผมอาจจะกลับก็ได้ เพราะตั้งแต่แรก ผมก็เลือกที่จะทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่บ้านอยู่ก่อนแล้ว

ความผิดพลาดครั้งที่ 3 ของเธอ ทำให้ผมได้ออกมาอยู่กับน้องเขาอีกครั้ง และมันยิ่งย้ำว่า ผมไม่เหลือโอกาสที่จะทดลองเลิกกับน้องเขาแล้ว ถ้าจะเลิกกับน้อง แปลว่าต้องเลิกให้ขาดเท่านั้น มันไม่เหลือพื้นที่ให้เขาเสียใจซ้ำได้อีกแล้ว ที่บ้านเขาก็จะไม่โอเคกับผมด้วย ถ้าน้องจะต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง มันจะต้องเป็นครั้งสุดท้าย

แล้วถ้าผมเลือกเมีย มันก็คงจะมีอะไรที่ไม่ลงล๊อกกันแบบนี้อยู่ตลอดไป แล้วผมก็จะต้องเสียดายไปตลอด ที่ปล่อยโอกาสดีๆ ครั้งนี้ไป

ถ้าเมียจะรู้จักผมให้ดีกว่านี้ รู้ว่าต้องทำยังไงกับผม ต้องพูดยังไง ใช้วิธียังไง ผมพยายามบอกเธอหลายทีแล้ว แต่เธอทำไม่ได้ เธอก็ยังคงทำในแบบของเธอ ซึ่งถ้าผมอยู่ต่อไป ก็คงต้องเจออะไรแบบนี้ต่อไป เรื่อยๆ มันยิ่งทำให้ผมคิดว่า ลองไปเริ่มใหม่นั่นแหล่ะ ดีแล้ว

Think

ช่วงที่เกิดเรื่องนี้ มีแต่ความคิดวุ่นวายวนเวียนไปมาอยู่ในสมอง คือ รู้เลยว่ามันวนไปมา วันนี้เลยลองนั่งลิสต์ดู ว่าคิดอะไรบ้าง และอะไรที่มันวนเวียนวุ่นวายอยู่บ้างในช่วงนี้

ก็ ตามนี้เลย ใส่เลขไว้ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับลำดับอะไรหรอกนะ แค่จะได้นับว่าลิสต์ออกมาเท่าไหร่ จริงๆ มันก้มีอีกแหล่ะ แต่คิดว่าก็คงวนๆ อยู่ในรายการเหล่านี้อยู่ดี จริงๆ ไล่ๆ ไป ก็น่าจะ loop อยู่หลายรอบละ

  1. ไม่อยากให้ครอบครัวพัง
  2. สงสารเด็กๆ
  3. อยากให้เมียมีคนอื่นแล้วจากไปเอง
  4. หรือเรายังรักเมียอยู่
  5. ไม่อยากเสียน้องเขาไป
  6. น้องเขาดีมากๆ
  7. มันไม่เหมือนที่คนอื่นเขาแนะนำนะ เพราะคนที่แนะนำโดยไม่รู้จักน้อง และไม่รู้จักเมียจะแนะนำอย่างนึง
  8. แต่คนที่รักจักเมียของเรา ก็จะแนะนำอีกอย่างนึง
  9. ไม่อยากเหนื่่อยแล้ว
  10. ถ้าเลือกน้อง ต้องมาเริ่มกันใหม่
  11. แต่เราก็ต่อยอดจากของที่ทำอยู่แล้วได้นี่ มันก็เหนื่อยไปไม่นานกว่าเดิมหรอก
  12. พอเพียงไม่ยอมตอบแชทอีกแล้ว
  13. แต่พอกลับไปอยู่บ้าน ก็ดูจะไม่ไดีมีอะไรพิเศษ ออกมาอยู่ข้างนอกก็ได้นี่
  14. อยู่บ้านที่บ้าน แล้วคบกับน้องต่อไป เมียก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่
  15. แต่เวลาอยู่บ้าน น้องจะเศร้าๆ ไม่อยากให้ความรู้สึกของน้องเปลี่ยนไป อยากให้เขารู้สึกดีกับเราไปแบบนี้
  16. น้องจะน่ารักแบบนี้ไปตลอดมั้ย
  17. แต่น้องเขาดีกว่าผู้หญิงอื่นๆ เยอะเลยนะ
  18. ไม่อยากที่จะเสียดายโอกาสนี้ไป
  19. ห่วงความรู้สึกพอเพียงมากๆ
  20. แต่อีก 10 ปี พอเพียงก็โตไม่ต้องดูแลแล้ว
  21. ถึงตอนที่พอเพียงโตแล้ว เราจะอยู่กับเมียแค่สองคนได้ยังไง
  22. ชีวิตที่เหลือจะต้องอยู่ไปแบบเดิมเหรอ
  23. กับเมียที่คิดร้าย มองโลกแง่ร้าย อยู่ด้วยแล้วไม่สบายใจ
  24. จะให้ชีวิตที่เหลือเป็นแบบนั้นเหรอ ในเมื่อโอกาสมาแล้ว
  25. ไม่อยากเสียโอกาสนี้ไป
  26. แล้วต่อไปถ้าน้องไม่ดีล่ะ เพราะยังไงก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง
  27. หรือจะเลิกกับน้อง
  28. ก็พยายามแล้วไง มันไม่ได้
  29. งั้นต้องลาออกไปอยู่บ้านเลย เพราะอยู่ที่ทำงานมันว้าวุ่น ทนไม่ได้
  30. แล้วอยู่บ้านจะรอดเหรอ เกิดไม่รอดอีก น้องก็ตัดไม่ขาด งานก็ไม่มีทำ
  31. ที่ต้องออกมาอยู่กับน้อง ก็เพราะห่วงความรู้สึกเขา
  32. หรือเราจะแคร์น้องเยอะไป
  33. สงสารเมีย
  34. แต่ไม่น่าจะดีถ้าจะอยู่กับเมียไปจนแก่
  35. ก็เห็นแล้วว่าเมียไม่โอ
  36. อยากอยู่กับลูก อยากให้เมียไม่อยู่ด้วย
  37. ถ้าเมียมีผู้ชายคนใหม่ เขาจะเลี้ยงดูอย่างดีมั้ย เกิดไปไม่รอดกลับมาวุ่นวายจะเอาตังค์จะเอาสมบัติอีกทำไง
  38. ยิ่งมีลูกด้วยกันอีก เดี๋ยวก็เอามาเป็นข้ออ้าง
  39. ไอ้เรื่องที่เกิดก็จากเราแท้ๆ
  40. แม่น่าจะได้พักแล้ว แต่ต้องมาปวดหัวอะไรพวกนี้อีก
  41. แต่ตอนที่อยู่กับเมีย ก็ใช่ว่าแม่จะมีความสุข
  42. อยากไปเที่ยวกันแบบครอบครัวอีก
  43. อยากให้เมียมีคนอื่นไปเลย เราจะได้อยู่กับลูกที่บ้าน น้องจะได้ไม่ต้องหึงต้องหวง ไม่ต้องเสียความรู้สึก
  44. นี่เราจะแคร์น้องมากไปนะ
  45. มันวุ่นวายใจ มันโหวงๆ หัวใจ
  46. อยู่บ้านน้องก็เศร้า เราก็ห่วงน้อง
  47. ไม่อยู่บ้าน พอเพียงก็เศร้า เราก็ห่วงพอเพียง
  48. นี่เรื่องมันผ่านมายังไม่เดือนเลยนี่หว่า นับจากที่ความแตก
  49. แต่เรามีลูกไม่ได้แล้วนะ มันจะเป็นการปิดอนาคตน้องเขาไปเลย
  50. ถ้าต่อไปน้องเกิดอยากมีลูกขึ้นมาล่ะ
  51. เรื่องนี้มันจะเป็นปมของเราไปตลอดเลยนะ
  52. หรือเราจะอยู่กับน้องไปได้ยาวนาน โดยไม่ต้องมีลูก
  53. ตั้งหลายคู่เขาก็อยู่แบบไม่มีลูกนะ ดีด้วยซ้ำ
  54. จริงๆ ไม่มีลูกกับน้องเขาแหล่ะดีแล้ว เพราะเราก็มีลูกอยู่แล้ว มีเพิ่มก็ลำบากเปล่าๆ
  55. แต่อยากมีนะ
  56. ทำไมตอนนั้นตัดสินใจให้หมอผ่าง่ายจังวะ
  57. ตั้งตัวไม่ทันนั่นแหล่ะ มันรวดเร็วไปหมด
  58. เศร้ามากๆ แย่มากๆ
  59. แต่ก็แฟร์กับเมียอยู่นะ เพราะเมียก็มีไม่ได้แล้ว
  60. แต่มันไม่แฟร์กับน้องสิ เขายังเด็ก แล้วเขาก็อยากมีมากๆ ด้วย
  61. หรือควรไล่น้องเขาไปตอนนี้เลยดี
  62. ก็เคยพยายามแล้วไง มันตัดไม่ขาดจริงๆ
  63. ไม่อยากพลาดคนนี้ไปด้วย ดูแล้วโอเคมากๆ จริงๆ
  64. ทางบ้านเขาก็ดูโอเคกว่า
  65. แต่นี่เราอายุห่างกันมากเลยนะ
  66. น้องจะไปเทเราตอนไหนมั้ย
  67. หรือเราจะเทน้องก่อน
  68. เดี๋ยวพอไปมีคนอื่นอีก ก็วุ่นวายอีก
  69. อยากมีร้านอเมซ่อนแล้วเกษียณตัวเองเร็วๆ ชะมัดเลย
  70. ลาออกไปเลย ทำงานเสริมอย่างเดียว ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ จะได้ลืมน้องเขาไปเอง
  71. ก็แล้วถ้ามันไม่ได้เล่า
  72. แล้วก็ไม่อยากเสียดายโอกาสของน้องคนนี้
  73. เขาโอเคมากๆ
  74. มันไม่โอเคนะ ที่จะอยู่กับเมียที่มีนิสัย มีความคิดแบบนี้
  75. จริงๆ เมียเราก็เปลี่ยนตัวเองเยอะมากแล้วนะ
  76. แต่มันก็ยังไม่ดีนั่นแหล่ะ แล้วน้องเขาก็ดีกว่าอยู่ดี
  77. เมียดีตอนนี้ แต่มีแววว่า จะดีได้ไม่นานหรอก
  78. น้องดีตอนนี้ แล้วต่อไปล่ะ
  79. มันก็น่าลองที่จะลุ้นอนาคตดู
  80. อยู่กับเมียไปก็รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นยังไง
  81. อยู่มาแล้วครึ่งชีวิต เหลืออีกครึ่งนึง
  82. จะเอายังไงกับอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ
  83. เหลืออีกครึ่ง ถ้าไม่ตายเสียก่อนนะ
  84. ลูกๆ จะรู้สึกยังไง
  85. มันต้องไม่ดีอยู่แล้วล่ะ
  86. แต่นี่มันก็โตมากแล้วนะ
  87. แต่อยู่บ้านไปตามปกติก็ได้นี่
  88. แต่ถ้าอยู่บ้าน น้องก็จะรู้สึกไม่ดีอีก
  89. เข้าใจน้องเขานะ ถ้าเราทำตัวไม่จริงจังเขาก็ต้องรู้สึกแหล่ะ
  90. ไม่อยากทำเพื่อน้องมากนัก แต่ก็ไม่อยากเสียเขาไป
  91. ไม่อยากมานึกย้อนเสียดายทีหลัง ว่าทำไมไม่คว้าโอกาสนี้ไว้
  92. อยู่กับเมีย แก่เฒ่าไป เมียก็เลี้ยงก็ดูแลแน่ๆ
  93. แล้วน้องล่ะ
  94. ก็ต้องไปลุ้นอีกที
  95. จริงๆ ก็น่าคิด ว่าถ้าไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน ไม่มีทรัพย์สินให้เมีย เมียจะยังดีกับเราแบบนี้มั้ย
  96. กลับกัน น้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ส่งตัวเองเรียน ส่งเงินกลับบ้าน ดูแลน้อง ผ่อนรถ
  97. มันน่าหลงไหลในคนแบบนี้
  98. ต่อไปจะมีปัญหามั้ย ที่เรายังส่งเสียลูก ส่งเสียเมียเก่า
  99. ไม่อยากทะเลาะกันเรื่องแบบนี้
  100. จริงๆ ไม่ควรต้องดูแลเมียแล้ว
  101. แต่มันรู้สึกมากๆ ว่า เราเอาเขามาแล้ว มันเป็นหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบเขา
  102. แต่จริงๆ มันไม่ถูกนะ แต่ละคนต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองสิ
  103. ใครมันมาฝังหัวเราแบบนี้วะ
  104. จะอยู่กับน้องเขารอดมั้ย
  105. ถ้าลูกโตกว่านี้อีกสัก 7ปี มันจะโคตรง่ายเลยนะ
  106. นี่เราแก่มากแล้วนะ
  107. อีกไม่นานจะป่วยเยอะขึ้นๆ
  108. น้องจะยังดูแลเรามั้ย
  109. ตอนที่ทำงานหาเงินไม่ได้แล้ว น้องจะหาเลี้ยงเรามั้ย
  110. แล้วมันใช่ภาระอะไรของเขามั้ยล่ะ
  111. งั้นครอบครัวจะดีที่สุดนะ ถ้าอยากอยู่แบบมั่นใจว่าจะปลอดภัย
  112. กับเมียแบบนี้น่ะเหรอ
  113. ไม่อยากเสียดายโอกาสของน้องคนนี้ไปเลย
  114. คบมายังไม่ปี จะคาดหวังอะไรมากมันก็ไม่ควรนะ
  115. แต่จะอยู่กับเมียที่เป็นแบบนี้ต่อไปน่ะเหรอ
  116. ทำอะไรเอง คิดอะไรเองก็ลำบาก ต้องเดินตามเมียตลอด
  117. มันจะอึดอัดตลอดไปเลยนะ
  118. แล้วก็ต้องกด ต้องเก็บความรู้สึกไว้
  119. ไม่น่าจะอยู่กับเมียได้อ่ะ
  120. คือ อยู่ได้แหล่ะ แต่มันก็อยู่ไม่สบายใจน่ะ
  121. แล้วอีก 10ปี ลูกโตไปมีชีวิตของมันหมดแล้ว เราจะอยู่กับเมียสองคนยังไง
  122. แล้วมานั่งนึกเสียดายน้องเขา ที่เราทิ้งโอกาสครั้งนี้ไปน่ะเหรอ
  123. "ความกลัวเป็นตัวทำลายโอกาส" อันนี้ quote จากแม่เลย
  124. ไม่กล้าออกมาอยู่กับน้องเพราะกลัวเมีย
  125. แต่ที่ต้องออกมาอยู่กับน้อง ก็เพราะกลัวน้องอีก
  126. แต่จริงๆ มาอยู่ด้วยมันมีความสุขมากเลยนะ
  127. แล้วความสุขของลูกล่ะ
  128. หรือจริงๆ แล้ว เราไม่อยู่ลูกมันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรต่างกัน
  129. กลัวเมียเอาลูกไปอยู่กับคนอื่น
  130. แต่ยังไงแม่ต้องห้ามแหล่ะน่า
  131. ลูกสาวนะ ให้ไปอยู่กับพ่อเลี้ยงได้ไง
  132. ไอ้ที่เป็นเรื่องก็เพราะเราอีก
  133. แต่ไอ้ที่เราต้องเป็นแบบนี้ ก็เพราะเมียเองนี่หว่า
  134. เลยเวลาจะมาหาว่าใครผิดแล้ว
  135. เรารักน้องเขาจริงๆ ป่าววะ หรือแค่หลง
  136. แล้วน้องเขารักเราจริงๆ ป่าววะ หรือแค่หลงเราเหมือนกัน
  137. ถ้าแค่หลงนี่ซวยเลยนะ อีกแป๊บเดียวก็แก่แล้ว
  138. เกิดวันนึงน้องบอก "หนูรักพี่มะระแบบพ่อนะคะ" อันนี้นี่ฉิบหายเลยนะ
  139. แต่การได้อยู๋แบบไม่มีเมียมันก็ดีอยู๋ดีนั่นแหล่ะ
  140. แต่อยากให้ลูกอยู่ด้วย
  141. กลัวเมียเอาลูกไป
  142. ไม่อยากทะเลาะกัน ไม่อยากให้เด็กขึ้นศาล
  143. มันไม่ใช่เรื่องที่วัยของเขาจะต้องเจอ
  144. อยากดูแลเด็กๆ อยากดูแลความรู้สึกของเขา
  145. แต่ก็ไม่อยากเสียน้องไป
  146. ถ้าไม่ถนอมความรู้สึกของน้องให้ดีตั้งแต่ตอนนี้ อาจจะเสียเขาไปเลยก็ได้
  147. หรือไม่น้องก็อาจจะไม่เหลือความรู้สึกดีๆ กับเราแล้ว
  148. เรื่องจะจบยังไง มีให้อ่านมั้ย
  149. ไม่เคยรู้สึกอยากดูดวงเท่านี้มาก่อนเลย
  150. แต่เดิมไม่เชื่อไม่ใช่รึไง
  151. อยู่ร่วมกันสองคนเลยไม่ได้เหรอ มันไม่ได้แย่สักหน่อย
  152. ต้องแย่สิ เป็นเราก็ทำไม่ได้วะ
  153. ไม่อยากทำงานเลย
  154. ถ้าไม่ทำงานแล้วอยู่บ้าน ก็ไม่มีโอกาสได้เจอน้องอีก
  155. สัปดาห์หน้าตุ่มไปออสเตรียตั้งสองสัปดาห์ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย
  156. เอาว่า เราจะอยู่กับน้องเขาได้นานเท่าไหร่ก่อน
  157. กลับไปกลับมาบ่อยๆ ห่วงความรู้สึกน้องเขามาก
  158. น้องเขาดีจริงๆ นะ
  159. มันรู้สึกว่าคนอื่นก็แทนไม่ได้ มันไม่เหมือน
  160. เลยไม่อยากเสียคนนี้ไป
  161. ถ้าจะไม่ดี ช่วยทำตัวไม่ดีตอนนี้เลยได้มั้ย จะได้ง่ายๆ
  162. เฮ้อ ทำไมเมียไม่หายไปวะ จะได้ง่ายๆ
  163. ช่วงนี้ชีวิตแม่งโคตรวันต่อวันเลย
  164. ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกวุ่นวายขนาดนี้มาก่อนเลย
  165. ปวดหัว วุ่นวายทำอะไรไม่ถูก
  166. มันเลิกไม่ได้จริงๆ มันผูกพันธ์กันมามากไป
  167. เรามันอ่อนแอเอง
  168. เลิกกาแฟยังวุ่นวายอยู่ตั้งนาน
  169. ครอบครัวน้องเขาโอเคที่จะมีปฏิสัมพันธ์ร่วมด้วยเยอะกว่ามากๆ
  170. ครอบครัวเมียนี่อยู่ใกล้ไม่ได้เลย เดี๋ยวก็ตีกัน
  171. บ้านเมียนี่ขี้เดือดกันทั้งบ้านเลย
  172. ไม่น่าแปลกใจที่จะรู้สึกไม่อยากอยู่ด้วย
  173. แล้วก็ไม่แปลก ที่จะรู้สึกว่าน้องเขาเป็นโอกาสที่ดีมากๆ
  174. แต่เด็กอายุ 23 มันจะดีไปได้นานแค่ไหน
  175. แต่ปกติของคน ต่อให้เปลี่ยนไป มันก็เปลี่ยนไปไม่เยอะหรอก พื้นฐานความคิดมันก็เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ
  176. เราเองยังเปลี่ยนไม่เยอะเลย ขี้ขลาดยังไงก็ขี้ขลาดยังงั้น ขี้เกียจยังไงก็ขี้เกียจยังงั้น
  177. มันรู้สึกว่าเข้ากันได้กับน้องมากๆ
  178. หรือมันเป็นช่วงโปรอย่างที่ลุงโป้งบอกวะ
  179. แต่มันก็เข้ากันจริงๆ นะ มันไม่รู้สึกฝืนน่ะ
  180. หรือน้องเขาฝืนอยู่บ้าง
  181. แต่มันก็ต้องไม่เยอะน่า ไม่งั้นคงต้องขัดกันหลายเรื่องแล้ว
  182. คนกันมา 10เดือน แทบไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกันเลย
  183. จะมีขัดกันบ้างก็เรื่องที่เรามีเมียแล้ว แค่นี้เลย
  184. กับงอนๆ บ้าง ส่วนใหญ่ก็เรื่องผู้หญิง
  185. นี่เราเป็นเสือผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
  186. ไม่ใช่น่า ก็ผู้ชายปกตินี่แหล่ะ
  187. ลาออก อยู่บ้าน เล่นเกม ไปเที่ยว ให้ลืมๆ น้องเขาซะ แล้วอยู่บ้านเป็นแฟมิลี่กายเหมือนปกติ
  188. แล้วให้ทิ้งโอกาสครั้งนี้ไปเนี่ยนะ
  189. ย้อนกลับไปอ่าน quote ของแม่ก่อนเลยไป
  190. ต้องเดินหน้า ต้องมุ่งมั่น ต้องลอง
  191. ได้ Second chance จะทิ้งเหรอ
  192. แล้วมานั่งสียดายทีหลัง ไม่เอานะ
  193. จะไปโดนน้องเทข้างหน้า ก็ต้องเสี่ยงก่อนล่ะวะ
  194. แต่เมียรักเรามากเลยนะ
  195. หรือแค่รักเพราะสมบัติวะ
  196. จริงๆ แล้วไม่ชอบคนโลภ คนเห็นแก่ตัวเลย ให้ตาย
  197. อยากหนีไปบวช แต่มันไม่ช่วยหรอก เพราะเราคนอื่นไม่ได้วิ่งหาเรา เรานี่แหล่ะวิ่งหาคนอื่น
  198. บวชไม่ช่วยหรอก เชื่อเหอะ
  199. อยากรีบๆ มีอเมซ่อน มีเซเว่น
  200. นี่อาจจะเป็นช่วงจังหวะที่ดีมากๆ ก็ได้
  201. ลูกโตพอสมควรแล้ว
  202. มีแม่อยู่เป็น Backup ด้วย
  203. การเงินก็โอเค
  204. ถ้าจะไป ตอนนี้สภาพต่างๆ มันดูเอื้อสุดๆ เลย
  205. แล้วเราจะต้องห่วงอะไรอีก
  206. ห่วงความรู้สึกลูก
  207. หรือแค่ใช้เวลาหน่อย เด็กมันชินไม่เร็ว แต่มันจะค่อยๆ ดีขึ้นน่า
  208. นี่เรากำลังจะไปมีชีวิตใหม่ มีคู่ชีวิตใหม่นะ ตื่นเต้นชะมัด
  209. อยากใช้คำว่ามีครอบครัวใหม่ แต่ก็ดันมีลูกไม่ได้แล้วอีก
  210. อยากมีลูก
  211. แต่ไม่มีมันก็ดีแล้วนะ
  212. สงสารน้องที่จะไม่มีโอกาสมีลูก
  213. ถ้าต่อไปเขาอยากจะมี เราจะทำไงวะ
  214. อย่ามีเลยเหอะ เก็บตังค์ไว้เลี้ยงตัว พอแล้ว
  215. สมัยนี้เขาฮิตแบบนี้ออก
  216. ไม่นึกเลยชีวิตต้องมาเจออะไรยุ่งยากแบบนี้ เคยอยู่แบบเรียบง่ายมาตลอด
  217. เพราะไอ้จู๋แท้ๆ
  218. วุ่นวายใจดีจริงๆ
  219. หรือมันยังเร็วไป
  220. ฝืนอยู่กับน้องให้ได้นานๆ ก่อน
  221. มันน่าจะดีนะ
  222. ในตอนที่ลูกๆ เริ่มนิ่งแล้ว
  223. แต่กลัวเมียจะเอาลูกไปไหนอีก
  224. วุ่นวายกับลูกนี่แหล่ะ เดี๋ยวมันโตมันก็ไม่ให้วุ่นวายด้วยแล้ว
  225. มันก็มีชีวิตของมัน เราก็ต้องกลับมามีชีวิตของเรา
  226. ตอนนั้นจะยังคบกับน้องเขาอยู่มั้ย
  227. ถ้าไม่คบ ใครทิ้งใครหว่า
  228. กลัวแก่แล้วอยู่คนเดียวมากๆ เลยนะเนี่ย
  229. ตอนยังไม่แก่ยังโคตรเหงาเลย
  230. ถ้ากลัวก็ต้องกลับไปเลือกครอบครัวสิ
  231. ทางเลือกที่รู้อยู่แล้ว ว่าต่อไปจะต้องอยู่กับเมียที่ไม่โอแน่ๆ แค่สองคนน่ะเหรอ
  232. แล้วมานั่งนึกย้อนเสียดายโอกาสครั้งนี้น่ะนะ
  233. ต้องลอง ต้องไปให้สุด
  234. ถ้าจะพังจะเจ๊ง ก็ให้มันพังเพราะได้ลองก่อน
  235. สมัยก่อนคนที่เขาทิ้งลูกทิ้งเมียไป มันจะทรมานขนาดไหน ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีไลน์
  236. มันถึงตัดใจได้ง่ายกว่าปัจจุบันนี้มั้ง ?
  237. อยากให้พ่อยังอยู่
  238. อยากให้เขาเห็น ว่าเราจะเลือกทางที่มีความสุขให้ตัวเอง
  239. พ่อต้องชอบน้องเขามากแน่ๆ
  240. หรือว่าเราจะยังรักเมียอยู่
  241. ทำไมลังเลล่ะ
  242. พอรู้สึกเหมือนจะเสียเมียไปแน่ๆ กลับลังเล
  243. พอรู้สึกว่าจะเสียใครไป ก็เหมือนว่าจะขาดคนนั้นไม่ได้
  244. แต่สุดท้ายแล้ว ยังไงก็ต้องเลือก
  245. ต้องเลือกสักทาง
  246. มันไม่มีทางที่จะได้ทั้งหมด
  247. อยากรู้ตัวชะมัด ว่ารักน้องจริงๆ หรือแค่หลงเขา
  248. อยากรู้ตัวชะมัด ว่าไม่รักเมียแล้วจริงๆ มั้ย
  249. เกลียดตัวเองชะมัดเลย
  250. ไม่น่าจะเข้ากับเมียได้ มันไม่ค่อยจะลงล๊อกกันเลย หลายๆ ที
  251. หงุดหงิดงุ่นง่านวุ่นวาย เหมือนเป็นไข้รุมๆ อาการมันประมาณนั้น
  252. ถ้าฝืนอยู่กับเมียต่อไป มันก็คงไม่ลงล๊อกอีก แล้วก็จะเสียโอกาสของตัวเลือกดีๆ ครั้งนี้ไปด้วย
  253. ไม่ได้ๆ โอกาสดีๆ มันมีไม่บ่อย
  254. ต้องตัดใจจากเมียไปเลย
  255. ต้องไม่เสียดายแล้ว
  256. เราเสียดายหรือเรารัก
  257. ไม่ได้มีอะไรให้เสียดายเลย ถ้าลักเลแปลว่ารักสิ
  258. หรือแค่เรากลัวการเปลี่ยนแปลง
  259. กลับขึ้นไปอ่าน quote แม่เลย
  260. หรือกลัวไม่ปลอดภัย
  261. คือ อยู่กับเมีย ถึงมันจะแย่ๆ แต่มันรู้ว่าอยู่มาได้ ถึงจะอยู่ต่อไปยาก แต่ก็รู้ว่าอยู่ได้ เพราะอยู่มาตั้งนานแล้ว
  262. ด้วยความขี้เกียจ และรักสบาย เราเลยลังเลถ้าจะไม่เดินบนเส้นทางเดิม ถูกมั้ย
  263. ทางใหม่ตัดยังไงก็ไม่ขาดแน่ๆ เพราะเคยลองแล้ว
  264. ไม่ว่าจะเพราะรัก หรือเพราะหลงก็แล้วแต่
  265. บางทีอาจจะควรที่จะไม่สนใจลูกมาก เพราะปกติก็ไม่ได้สนใจมากนักอยู่แล้ว มันโตกันแล้ว
  266. ปล่อยให้ลูกเผชิญความทุกข์ แล้วหนีมาหาความสุข
  267. มันใช่เหรอ
  268. แต่จะให้ทิ้งโอกาสนี้ไปอ่ะนะ
  269. รู้สึกว่าเราจะให้ความสำคัญกับโอกาสครั้งนี้มากๆ
  270. เพราะมันรู้สึกว่า น้องเป็นตัวเลือกที่ดีจริงๆ
  271. ตอนที่รู้ว่าเสียเมียไปแล้วจริงๆ คงต้องเสียใจมากๆ
  272. มันคงเหมือนตอนที่เราเสียใจที่เรียนจบ แล้วรู้สึกว่า จะไม่ได้กลับมามีชีวิตแบบเดิมๆ ใน ร.ร. นั้นอีก
  273. แบบนั้นมั้ง
  274. หรือว่ารัก
  275. แต่ก็ตัดทางใหม่ไม่ได้ และไม่อยากเสียโอกาสด้วย

13/8/62

Break my heart

สืบเนื่องจากตอนก่อน ลืมสนิทว่าที่จะเขียนคือ กำลังพยายามจะเลิกกับน้อง

ตอนที่คบคือ พยายามคบแอบๆ เลี่ยงๆ เพราะไม่อยากถึงวันที่จะต้องเลือก ว่าชีวิตจะต้องเลือกทางใดสักทาง ระหว่างผู้หญิงที่รักมากในเวลาอันรวดเร็ว กับลูกๆ ที่แสนน่ารัก มันน่าเศร้าที่เราต้องเลือก ทั้งที่จริงๆ มันเป็นอะไรที่น่าจะอยู่ร่วมกันได้น่า อินเดียยังเมีย4 เลย

ความแตกโดนจับมาบังคับให้เลือกทางเดิน เมื่อ 25 ก.ค. ก็ง่ายๆ ว่า เบื้องต้นต้องเลือกลูกก่อนแล้ว ก็บอกลาน้องเขาไป แม้จะยาก แต่เมื่อโดนบังคับก็ต้องทำ

หนทางเหมือนจะง่าย แต่ผ่านไปไม่ถึงสองสัปดาห์ผมคล้ายจะลงแดง คนเคยรัก คนเคยเจอ เคยได้คุย เคยใช้เวลาร่วมกัน อยู่ดีๆ มันหายไปในทันที จะไปทำใจทันได้ยังไง (แน่นอนว่า ภรรยาผมก็จะต้องรู้สึกแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่า เขาไม่ทันได้รู้ตัวก่อนเหมือนผม) ผ่านไปเกือบ 2 สัปดาห์ วันที่ 4 ส.ค. ผมทักไลน์น้องเขาไป เพราะไม่ไหวจริงๆ โดยขอเจอในวันที่ 5 ซึ่งน้องก็โอเค แต่ผมไม่อยากโกหกภรรยา เลยบอกไปตรงๆ ว่า ขอเจอนะ แค่ได้เจอ ภรรยาที่แสนดีก็ยอมให้ผมได้เจอน้อง ซึ่งมันดูดีเลยล่ะ อาการที่เหมือนจะลงแดงมันดีขึ้น

แต่ก็เหมือนว่าจะเป็นสิ่งเสพ วันอังคารผมขอเจอน้องเขาอีก :P รายละเอียดอื่นๆ ปล่อยไว้ดีกว่า ไม่อยากจะยาว

ประเด็นคือ ผมไม่เคยติดยา แต่คิดว่า เลิกคนน่าจะยากกว่าเลิกยา เพราะคนมันมีความทรงจำ มีความรู้สึก มีเรื่องราว

ก็ จะบ่นแค่นี้แหล่ะ ว่ามันเลิกไม่ง่าย

Why I love

ไหนๆ พูดถึงน้องแล้ว มาลิสต์ไว้ให้จำได้สักหน่อย ว่าน้องมีดีอะไรที่ทำให้หลงรักได้รวดเร็ว เผื่อวันนึงเธอเปลี่ยนไป หรือเธอจะกลายเป็นอดีต เราก็จะได้จำได้ว่ามันเคยเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นด้วยสาเหตุอะไร

  1. อย่างแรก น่าจะตรงกับทุกคนที่จะตกหลุมรักใครอย่างรวดเร็ว คือ พูดเพราะ พูดหวาน ขี้อ้อน เอาใจ อันนี้คือเบสิคของการที่เราจะหลงใครสักคน มันจะเป็นแบบนี้หมด เพราะงั้น รวมเป็นข้อเดียวไปเลย
  2. มองคนแง่ดี คือ เขาจะพยายามมองที่ข้อดีของคนอื่นก่อน อย่างน้อยคือ เพื่อให้สบายใจที่ตัวเองก่อนแล้ว อันนี้คือ ตรงกับผมมากๆ เลยเป็นอะไรที่ชอบมาก อันนี้ก็พยายามฝึกภรรยา แต่ไม่สำเร็จ
  3. ขยัน คือ เป็นคนขยันทำงาน พยายามสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยกำลังของตัวเอง อันนี้ก็โดน
  4. ประหยัด เป็นคนใช้จ่ายประหยัด จริงๆ ก็ไม่ได้ประหยัดมาก แต่ก็คือไม่เกินตัว
  5. กตัญญู จะนึกถึงยาย นึกถึงน้าอยู่เสมอๆ ถ้าอยู่ด้วยกันก็ค่อนข้างมั่นใจว่า จะดูแลแม่ของเราได้ดี
  6. ขี้ตื๊อ คือ อันนี้ไม่น่าใช่ข้อดีหรือข้อเสีย แต่คือ น้องตามตื้อซะจะติดเลยนี่แหล่ะ เกิดมาเพิ่งเคยเจอสาวจีบ ^^
  7. ไลฟ์สไตล์ตรงกัน ไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่กลางคืน ชอบเที่ยวเมือง เที่ยวธรรมชาติ ไปไหนเลยก็ไม่ค่อยได้ขัดกัน
ไม่ว่าจะจบยังไง อย่างน้อยวันหนึ่งก็เคยได้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ^^

Love of my life

ไม่ได้เขียนบล็อคมาปีนึงได้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี้ มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตเยอะมาก คงเป็นเวลาสำคัญที่ควรจะได้มาบันทึกเรื่องราวในชีวิตไว้อีกครั้ง

สิ่งสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นคือ ความรัก คือ ได้มีความรักอีกครั้ง จากน้องผู้หญิงคนหนึ่ง

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ของผมและภรรยาเป็นอย่างไร รู้แค่ว่า อยู่เป็นครอบครัว และมีเด็กๆ มันโอเคแล้ว และมันโคตรจะโอเคเลย แต่ไม่เคยได้นึกถึงว่าความรักแบบสามีภรรยามันยังมีอยู่ไหม และด้วยความที่ผมไม่ได้ใส่ใจจะเรียกร้องอะไรจากภรรยา (จริงๆ เรียกว่า เรียกร้องแล้วแต่ไม่ได้จะถูกต้องกว่า) ในช่วงที่ผ่านมามันเลยเหมือนการอยู่ร่วมกันแบบ อยู่ๆ กันไป แค่มีเด็กๆ ไว้ช่วยดึงดูดให้อยู่ร่วมกัน

จริงๆ แล้วในช่วงแรกที่อยู่ร่วมกัน ผมน่าจะเป้นคนที่รักภรรยาเลยแหล่ะ แต่ด้วยอาการของโรค MDD ที่เป็นอยู่พักใหญ่ โดยสาเหตุหลักคือ ไม่ได้รับความรักจากภรรรยา (จริงๆ เขารักผมมากแหล่ะ แต่เขาปฏิบัติตัวไม่ถูกวิธี ทำให้มีความรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่รัก) และวิธีการที่ผมรอดจากโรคมาได้คือ การไม่รักเขา เพื่อผมจะไม่คาดหวังความรัก หรือการปฏิบัติดีใดๆ จากเขาอีก ซึ่งวันนี้ข้อพิสูจน์ค่อนข้างชัดว่า ผมไม่ได้รักเขาไปแล้ว คือ อยู่ร่วมกันเพราะถือครองทรัพย์สินร่วมกัน

และเมื่ออยู่โดยไม่ได้มีความรัก (แต่ไม่ได้เกลียดอะไรนะ ก็คือ อยู่ได้เลย ไม่มีปัญหาใด) มันเลยเป็นช่องว่างที่ทำให้ พอมีความรักเข้ามา ผมเลยเปิดรับเต็มที่ เหมือนปลาขาดน้ำ เรื่องราวก็เลยดำเนินมาจนถึงจุดนี้

จนถึงตอนที่กำลังเขียนอยู่นี้ เรื่องราวก็ยังไม่ชัด ว่าผมจะเลือกทางใหม่ หรือจะเลือกทางเก่า ปัจจัยให้ต้องตัดสินใจมันเยอะมากๆ ไหนๆ เรื่องยังสดๆ อยู่ ลิสต์ประเด็นดูดีกว่า ว่าอะไรที่ทำให้ยังตัดสินใจไม่ได้ อะไรที่ทำให้ลังเล


  1. ภรรยาดูจะดีขึ้น หลังจากเกิดเรื่อง คือ ได้คุยกัน ได้เปิดใจกัน แต่ก็ไม่รู้ว่า เธอจะดีแบบนี้ได้ไปถึงเมื่อไหร่ แล้วก็ยังดูดีบ้างร้ายบ้าง แต่เมื่อก่อนร้ายอย่างเดียวเลยนะ :P
  2. คนใหม่ก็ใหม่มากๆ ไม่รู้ว่าที่ดีอยู่ตอนนี้ จะดีไปอีกนานแค่ไหน ประสบการก็เคยมีแล้ว ผู้หญิงคนนึง ดีกับเรามากๆ แต่พอผ่านไป 2ปี 3ปี สิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนไป
  3. ผมจะไม่ไปมีคนใหม่อีกจริงๆ ? ถ้าตอนนี้ผมมีผู้หญิงใหม่ได้ แล้วต่อไป ผมจะไม่ทำร้ายผู้หญิงคนใหม่ของผม ด้วยการมีผู้หญิงใหม่อีกคน ?
  4. ถ้าเลือกทางใหม่แล้วไม่โอเค มันไม่สามารถกลับมาทางเก่าได้
  5. ถ้าเลือกทางเก่าแล้วไม่โอเค ก็ไม่สามารถเลือกน้องคนนี้ได้อีก แม้ว่าอนาคตผมอาจจะเจอตัวเลือกอื่นอีกก็ได้ แต่ในตอนนี้ ตัวเลือกนี้มันดูดีสุดๆ เลย
  6. น้องที่คบเด็กมากๆ มีโอกาสโดนเทง่ายๆ เลย (อย่าคิดแค่ว่าเราจะเทเขา)
  7. เด็กๆ จะอยู่กันได้ลำบากเลย ถ้าไม่มีพ่อ จริงๆ แล้ว ผมเหมือนจะเป็นเพื่อนมากกว่า ถ้าเพื่อนที่เป็นพ่อด้วยหายไปคนนึง มันคงจะเคว้งๆ แปลกๆ เลยล่ะ
  8. ไม่อยากเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ ถ้าเกิดว่ามันจะไม่ได้ดีกว่าเดิม (ถ้าจะวนแบบข้อ 2 มันก็จะเหนื่อยซ้ำเสียเปล่า)
  9. ผมรักน้องเขาจริงๆ หรือเปล่า แม้ว่าผมชัดเจนมาก ว่าไม่ได้รักภรรยาเหมือนเดิมแล้ว แต่กับน้องที่คบกันมายังไม่ถึงปี ความรู้สึกที่รู้สึกว่ารักมากๆ ในตอนนี้ มันใช่ความรักจริงๆ หรือเปล่า มันจะรู้สึกแบบนี้ไปนานแค่ไหน แล้วต่อไปเราจะต้องการอะไรอื่นอีกไหม
  10. น้องต้องการจากเราแค่นี้ แต่ต่อไปเขาจะต้องการอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า
  11. ผมอายุน้อยกว่าภรรยา 7 ปี ยังรู้สึกคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วน้องที่อายุน้อยกว่า 15 ปี จะไปกันรอดมั้ย แต่เหมือนว่าผู้ชายอายุเยอะกว่าจะไม่เป็นปัญหามากนะ
  12. ผมมีลูกไม่ได้แล้ว การเลือกน้องเขา เป็นการปิดโอกาสของน้องเขาไปเลย (จริงๆ โดยเทคโนโลยี ผมว่าผมยังมีได้น่า "I still having a ball" แต่ก็ต้องคิดแบบที่ว่าจะมีไม่ได้ไว้ก่อน)
  13. หรือจริงๆ แล้ว ผมยังรักภรรยาของผมอยู่ แต่ผมแค่ไม่อยากเจ็บปวดจากการคาดหวังสิ่งดีๆ จากเขา ผมเลยทำเป้นว่าไม่รักเขา ถ้าเป็นแบบนั้น การเลือกคนใหม่ อาจทำให้ผมต้องกลับมาหาคนเก่าก็ได้ (ซึ่งต้องไปกังวลกับข้อ 4 อีก)
  14. ทางเลือกใหม่จะดีจริงหรือเปล่า เพราะช่วงหลังๆ ก็เริ่มเห็นความคล้ายภรรยาบ้างแล้ว จะเป็นเพราะว่า เขาเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเพราะมันมีเรื่องมีราว ทำให้เขาเป็นแบบนี้


ไอ้ที่ลิสต์มาทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะคิดอะไรไปให้ไกลแค่ไหน หลักๆ คงเป็นเรื่องแค่ว่า เลือกระหว่างความสุขตัวเอง หรือความสุขของลูก มันอาจจะมีแค่นี้เลยก็ได้

เรื่องตลกร้ายที่ผมปรึกษากับแม่ในเรื่องนี้คือ ผมบอกแม่ว่า ต่อให้คนไหนจะแย่สักแค่ไหน ก็ไม่มีทางแย่กว่าภรรยาผมแน่ๆ ซึ่ง คุณแม่ agree จ๊ะ เห็นมะ ตลกร้ายจริงๆ ด้วย แต่ก็ดีที่ทำให้ได้ปรึกษาแม่ ปกติเป็นคนกลัวแม่ มีอะไรไม่กล้าคุยกับแม่เลย

จริงๆ แล้วมันคงมีอีกหลายสาเหตุแหล่ะ ในความวุ่นวาย ในหัวสมอง มันมีอะไรๆ อีกเยอะมาก

จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเรื่องจะจบยังไง ถ้าเป็นไปได้ (ซึ่งแปลว่ามันเป็นไปไม่ได้) ผมอยากอยู่กับภรรยาแบบเพื่อนมากกว่า ซึ่งช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมก็รู้สึกแบบนั้น เพราะความรักมันหายไปพร้อมกับอาการป่วยของผมแล้ว ผมจะรอดตายจาก MDD ได้ คือ ผมต้องไม่รักเขา และตอนนี้ผมไม่ตาย

บางทีรู้สึกเหมือนอยากหายตัวไปอยู่คนเดียวสัก 3 เดือน ให้มันรู้กันไป ว่าจริงๆ แล้วเราต้องการอะไรกันแน่

บอกไว้ก่อนเลยว่า ที่รู้สึกกับภรรยาแบบนี้ ไม่ใช่เพราะผมมีคนใหม่ จริงๆ ผมไม่อยากมีเขามานานแล้ว ซึ่งมันไม่ผิดที่ผมจะคิด หรือจะรู้สึกแบบนี้นะ ก็เพราะเขานี่แหล่ะ ที่ทำให้ผมต้องเผชิญกับ MDD และความรู้สึกของผมที่เปลี่ยนไปจากเขา ก็เพราะผมต้องเอาตัวรอดจากโรคให้ได้

แต่ก็จริงว่า ถ้าผมไม่มีน้องเขา ผมก็ไม่ได้รู้สึกอยากที่จะต้องเลิกกับภรรยา เพราะ ผมก็คงอยู่แบบเดิม อยู่ๆ ไป สนุกกับเด็กๆ และกิจกรรม แต่มันก็เป็นเรื่องน่าคิดนะ ว่า ตอนที่เด็กๆ โตไปแล้ว มีชีวิตครอบครัวของเขา ผมจะอยู่ยังไง มันจะอยู่ได้ หรืออยู่ไม่ได้ อยู่สุข หรือว่าอยู่ทุกข์

ไว้จบเรื่องได้ชัดๆ ค่อยมาว่ากันใหม่ ^^

8/3/62

SSD

ก่อนนี้ได้รับมรดกเครื่อง Macbook Pro 2012 มา (รุ่นที่ใส่ CD ได้) แล้วก็ มันช้ามาก ไอ้ครั้นจะซื้อเครื่องใหม่ก็ไม่ไหวจะควักกระเป๋า จะลองอัปเกรดเครื่องดู แรมมันก็เยอะมากอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจไปถอย SSD มาตัวนึง เอามาเปลี่ยนดู และข้างล่างนี้คือผลที่ได้ สรุปว่า มาถูกทาง ไวเหมือนได้เครื่องใหม่ และคงใช้ไปได้อีกสัก 2 - 3 ปีได้เลย ไว้ถ้า OSX มันไม่ยอมให้อัปเกรดบนฮาร์ดแวร์นี้แล้วค่อยคิดเรื่องซื้อใหม่ ตอนนี้ก็แบกหนักๆ ไปก่อน ยังไม่อยากจ่ายตังค์เพิ่ม

11/2/62

เพราะเวลามีค่า

วันเกิดพอดี เอา Mijia ให้เป็นของขวัญ เขียนคำอวยพรไว้ เอา Quote มาจดเก็บไว้สักหน่อย
เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่า และมีอยู่อย่างไม่จำกัด แต่ให้ใช้เวลาอย่างรู้คุณค่า และอย่าลืมใช้เวลาสร้างความสุขให้ตัวเองด้วย เพราะเวลามีไม่จำกัด แต่ชีวิตใช้เวลาได้อย่างจำกัด
HBD พอดี 17 ปี แล้ว

7/2/62

Xiaomi Mijia Quartz Watch

ความเดิมจากตอนที่แล้ว สั่ง Misfit Phase มาใช้ ด้วยความที่อยากได้สมาร์ตวอทซ์เข็ม เพราะไม่ชอบนาฬิกาที่เป็นหน้าจอ และต้องคอยชาร์จแบต

ใช้มาได้ประมาณครึ่งปี สายเริ่มขาด ก็จะไปหาสายมาเปลี่ยน แต่พบว่า ปัดโธ่! ตัวเรือนมันไม่ได้ใช้สายมาตรฐาน สายที่มีขายทั่วไปมันเอามาใช้ด้วยกันไม่ได้ ก็ไม่เข้าใจว่า Misfit มันทำมาแบบนี้ทำไม

ทางซ้าย Mijia Quartz เป็นรูสำหรับใส่สายนาฬิกาแบบทั่วไป ทางขวาของ Misfit เป็นรูปแบบคล้อง หาสายที่ไหนใส่ก็ไม่ได้


พอหาสายทั่วไปใช้ไม่ได้ ก็เลยต้องดูสั่งสายจาก Misfit โดยตรง พอดูราคาสาย ค่าส่ง ค่าภาษีแล้ว สรุปว่า หานาฬิกาอื่นมาใช้ดีกว่า

ดูไปดูมา เจอที่น่าสนใจเป็น Lenovo กับ Xiaomi Mijia Quartz Watch ตอนแรกเจอแต่ของ Lenovo รีบสั่งไปละ แต่ดีที่ร้านแคนเซิลไม่มาส่ง เลยสั่ง Mijia Quartz มาแทน ดีไซน์โดนใจกว่า จริงๆ ของ Lenovo Watch X Plus ก็ถูกใจ เพราะมันมีจอภาพสำหรับแจ้งเตือนซ้อนอยู่ด้วย แต่ดีไซน์ของ Mijia Quartz โดนใจกว่า

สรุปว่า ได้ Mijia Quartz มาสองเรือนไว้ใส่กับพอดี ในราคาทั้งเรือนที่ถูกว่าสั่งสายเปล่าๆ มาจาก Misfit ยังแอบเจ็บใจตัวเองว่า ทำไมไม่เจอ Mijia Quartz เสียก่อน