23/11/55

ประชาธิปไตยไม่สำคัญเลย ถ้า


สมัยเรียนมีช่วงหนึ่งที่แผนก (เรียกว่าแผนก ตอนนั้นเรียน ปวส.) มาร่วมหารือกันว่า จะรับน้องที่โรงเรียนหรือนอกสถานที่ ซึ่งที่แผนกมีอยู่ 3 ห้อง มีห้อง 1, 2 และภาคพิเศษอีกห้องนึง

หลังจากประชุมกันในห้อง 1 และห้อง 2 (เวลาเรียนตรงกัน เลยหารือ 2 ห้องได้ก่อน) ความเห็นแตกเป็นสองทาง กลุ่มหนึ่ง (ผมด้วย) เสนอความเห็นว่า อย่าเพิ่งฟันธง เดี๋ยวรอคุยกับภาคพิเศษก่อน ทันใดนั้นผู้มีสิทธิ์มีเสียงท่านหนึ่งที่มีอำนาจพอควรเสนอว่า ไม่ต้องเรียกมาคุยหรอก "มากคนมากความ" เขาว่าอย่างนี้

มันช่างเป็นวิธีคิดที่น่ากลัวมาก ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเลย หากคุณอยู่ในสถานะของความเป็นผู้มีอำนาจ

เรื่องรับน้องสรุปว่า ไปรับกันนอกสถานที่ (ผมลงเสียงว่าให้รับในโรงเรียน) แต่ผมไม่ไป เพราะไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว

6/11/55

The est perience


ผมคอยเผ้าดูแนวทางของเสริมสุขอยู่ตลอดว่า หลังจากเตียงหักกับ Pepsi แล้วจะเป็นยังไง ซึ่งหลายๆ ท่านก็คงเดาเหมือนกันว่าเสริมสุขจะทำน้ำดำของตัวเอง ซึ่งวันนี้เราก็ได้เห็นกันแล้วว่ามันคือ est

จากประสบการณ์ est ของผม บอกได้ว่า ไม่ผ่าน รีวิวสั้นๆ เป็นตามนี้


  • แรกเห็นพบว่า ขวดและสีสันน่าสนใจดี
  • ชื่อสามารถสั่งได้อย่างไม่เคอะเขิน คือ ถ้าออกมาชื่อแบบ คิกคาปู้ ผมคงไม่กล้าสั่ง จริงๆ แล้ว แม้ว่า เอส จะออกเสียงยากไปบ้าง และอาจจะมีผลในช่วงแรกต่อการที่จะออร์เดอร์ แต่ถือว่าไม่ร้ายแรงเท่า คิกคาปู้ แน่ๆ
  • รสชาติ ทันทีที่สัมผัสลิ้นพบว่า มันอร่อย ซ่ามาก หวานน้อย ให้ความรู้สึกแบบโค้ก แต่พอความซ่าลดลงจนหายไปหมดแล้ว ความหวานเริ่มเด่นขึ้นมา ซึ่งมันไม่หวานแบบน้ำดำทั่วไป เพราะมันมีกลิ่นของโคล่า ที่คล้ายลูกอมรสโคล่าราคาถูกๆ แต่รสอะไรนั้นไม่สำคัญนอกจากว่า มันไม่อร่อย แต่จริงๆ แล้วเรื่องของลิ้นคงตัดสินแทนกันไม่ได้ ในระยะยาวแล้ว ยอดขายจะเป็นตัวตัดสินเอง


เชื่อว่า est ไม่ตาย แต่จะไม่อยู่ในกระแส คนจะสั่งน้อยเพราะมันไม่อร่อย แต่จะไม่ถึงกับขายไม่ได้ เพราะช่องทางการจัดส่งและจัดจำหน่ายของเสริมสุขดีอยู่แล้ว ก็คงอยู่ไปได้เรื่อยๆ ในฐานะน้ำทางเลือก

ให้คะแนน อันนี้คะแนนสำนักส่วนตัวนะครับ

  1. Coke
  2. RC
  3. A&W
  4. Pepsi
  5. Big cola
  6. est
  7. Mirinda root beer

แม่ไม่ฟังหนูเลย

พอเพียงมีการบ้านที่ต้องทำส่งครูเป็นธงชาติ ทำออกมาเองได้ตามภาพ


แต่ไม่ได้เอาไปส่ง เพราะช่วยกันทำอันใหม่ให้ไปส่งแทน

เช้าวันนี้จับเด็กๆ อาบน้ำเตรียมจะไปโรงเรียน เห็นเจ้าธงอันเก่าอยู่ที่พื้นเลยหยิบขึ้นมาจะเอาไปเก็บให้เรียบร้อย ปรากฏว่าพบเมสเสจเล็กๆ ด้านหลังธง


ดูไม่ค่อยมีอะไร แต่ด้วยตัวของข้อความแล้วมันสื่อความหมายและอันตรายไว้มาก และที่อันตรายมากกว่านั้นคือ แฟนผมไม่ได้ตระหนักเลย

ตอนนี้พอเพียงอายุ 6 ขวบ อีก 5 ปีได้รู้เรื่องแน่ แฟนผมยังไม่ยอมปรับตัวและวิธีสื่อสารกับผู้อื่น ในตอนนี้มันจะยังไม่เป็นปัญหา แต่ในอีกไม่นานหรอก

T T ไม่อยากจะคิดเลย

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ พอเพียงไม่ได้บอกใครแบบที่เขียนในธง ไม่ได้เขียนเพื่อเอามาให้ใครอ่าน แล้วในอีก 5 - 10 ปี พอเพียงจะมีเพื่อนฝูง พอเพียงจะมีธงผืนใหม่ และพอเพียงคงไม่สนใจอีกต่อไปว่าแม่จะฟังหนูหรือเปล่า เพราะเธอก็คงจะมีคนอื่นพร้อมที่จะฟังอยู่แล้ว คงต้องไปลุ้นให้พอเพียงมีเพื่อนที่ดีแล้วกัน เพราะจะให้แม่ฟังหนูได้นั้น คงไม่มีวัน