24/12/57

โรคซึมเศร้า

ครับ ใช่แล้ว ผมเป็นโรคซึมเศร้า อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเอามาเล่า หรือน่าเอามาเขียนประจานตัวเองให้ชาวโลกรับรู้ แต่จริงๆ แล้ว มันค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะรู้จักกับโรคนี้เอาไว้ ไหนๆ ผมก็มีโอกาสได้เป็นแล้ว (โชคดีจุง) ก็เลยหยิบเอาประสบการณ์มาฝากกันเลยแล้วกัน

เกี่ยวกับโรค

โรคซึมเศร้าจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับสภาพจิตใจ คือ สาเหตุอาจจะมาจากความผิดปกติทางร่างกายได้ แต่มันก็ส่งผลถึงจิตใจด้วย บ้านเราไม่เคยสอนหรือให้ความรู้เกี่ยวกับโรคทางจิตใจสักเท่าไหร่ เวลาใครมีปัญหาทางใจ มักจะไปจบด้วยคำชี้แนะ หรือคำเตือนจากคนรอบข้างว่า "อย่าคิดมาก" ไม่ก็ "คิดไปเอง" หรือแย่ไปกว่านั้น อาจจะถูกมองไปในเรื่องของไสยศาสตร์ไป

อาการ

อาการที่ผมเป็นคือ อยากฆ่าตัวตาย ครับ สั้นๆ เลย แต่มันอันตรายมาก แม้จะเป็นโรคทางใจ และเหมือนจะไม่ได้มีอะไรมาก แต่มันส่งผลถึงชีวิตได้เลยครับ ส่วนอาการอื่นๆ นั้น ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการไม่เหมือนกันครับ อันนี้ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเอา แต่ถ้าคุณเจอใครอยากฆ่าตัวตายละก็ สรุปไปก่อนได้เลยครับ ว่าเป็นโรคซึมเศร้า
อาการของโรคซึมเศร้านั้น ไม่จำเป็นต้องตรงตัวตามชื่อนะครับ คือ ไม่ได้ต้องแสดงอาการ "ซึม" และ "เศร้า" ออกมาให้เห็น อย่างกรณีของผมก็ยังไม่มีอาการครับ
อาการข้างเคียงอื่นๆ ที่แสดงออก (อันนี้สำหรับผมนะ)
  • เบื่อ
  • ขี้เกียจ
  • ไม่อยากเข้าสังคม
  • ใจเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะ (ไม่ได้เป็นโรคหัวใจครับ)
  • ขาดแรงจูงใจ
  • มือสั่น
  • เหนื่อยง่าย (ไม่ได้เป็นหอบ)
  • คิดฆ่าตัวตาย หรือคิดหาวิธีการตายซ้ำๆ
ในส่วนของอาการอยากฆ่าตัวตายนั้น ผมยังไม่เคยถึงขั้นลงมือครับ เหตุคือ กลัวครับ ไม่ได้กลัวตายครับ แต่กลัวไม่ตาย :P

การสังเกตผู้ป่วย/สำรวจตัวเอง

ค่อนข้างโชคดีที่ผมคอยสำรวจตัวเองเรื่อยๆ และสามารถยอมรับได้หากตัวเองจะเป็นโรคใดๆ น่าเสียดายที่บ้านเรามีภาพลบกับโรคในลักษณะนี้ว่า เป็นโรคของคนบ้า เลยเป็นการยากที่เราจะยอมรับว่าตัวเองเป็น ก็เลยปล่อยกันไว้นานจนแก้ไขกันได้ยาก (ผมเองก็ทิ้งไว้นานเกินไป ไม่งั้นอาการคงไม่แย่ขนาดนี้) ส่วนหนึ่งที่ทำให้คนมองโรคนี้ไปในทางไม่ดีน่าจะเกี่ยวกับหนังเรื่องหลังคาแดง
วิธีสังเกต ผมอยากให้เน้นไปที่การสำรวจตัวเองครับ เพราะการสังเกตคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องยาก ในกรณีของคนที่ไม่แสดงอาการออกมา การสำรวจตัวเองก็ง่ายๆ ครับ คือ ทำแบบคัดกรอง ของกรมสุขภาพจิตมีไว้ให้บริการออนไลน์ครับ แบบคัดกรองภาวะซึมเศร้า

สาเหตุ

สาเหตุของโรคเป็นได้หลายอย่างครับ เท่าที่ทราบก็คือ
  1. ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ
  2. ต่อมไทรอยด์
  3. ความเครียด
ของผมไปตรวจมาแล้วเป็นสาเหตมาจากความเครียดครับ ก็เป็นเรื่องความเครียดในครอบครัวแหล่ะครับ กรณีของผมคือ

เมีย

เมียผมจะสร้างความเครียดขึ้นให้ผมเสมอๆ ใครมีเมียก็คงจะพอนึกออก จริงๆ แล้วก็ไม่อยากจะบ่นเมียในที่สาธารณะ เพียงแต่ก็อยากจะให้ข้อมูลไว้ เผื่อใครเป็นเมียอยู่ก็ลองสำรวจตัวเองดูบ้าง ก่อนที่จะเสียสามีไป ในกรณีของชีวิตคู่ ผมจะแนะนำเสมอให้ไปหา Men are from Mars มาอ่าน เพราะมันช่วยได้เยอะมาก มีเวอร์ชั่นแปลไทยปัจจุบันหนังสือหายากมากแล้ว ใครอยากอ่านถามมาที่ผมได้

แม่

แม่ผมจะหงุดหงิดเมียผมอยู่บ่อยครั้ง เพราะเมียผมเธอก็ทำอะไรไม่ค่อยเข้าท่านัก (ไม่ขอลงรายละเอียด) ทุกวันผมจะต้องคอยกังวล (ส่งผลให้เครียด) ว่าเมียจะทำอะไรไม่ถูกใจแม่มั้ย แล้วถ้าแม่โวยเมีย เมียจะมาลงที่ผมอีกรึเปล่า การต้องผจญกับอะไรอย่างนี้ทุกวันก็เลยเป็นสาเหตหนึ่งของตัวโรค
แล้วทำไมไม่คุยกันละ ? นี่ต้องเป็นคำถามหลักแน่ๆ ผมเองอยู่กับเมียมานาน พอรู้นิสัยกันอยู่ คุยไปก็ไม่เป็นผล ในเรื่องของชีวิตคู่นั้น ผมก็เป็นคนปรับตัวหาเธอเป็นหลัก เพราะเธอไม่รู้สึกตัวว่าต้องปรับตัวเข้าหาใคร ไอ้ครั้นจะให้แม่ปรับตัวเข้าหาเมีย ก็ไม่ได้อีก
แล้วทำไมไม่คุยกับแม่ละ ? ผมกลัวแม่ครับ แม้แม่จะพยายามทำดีกับผม แต่ตอนผมเด็กๆ แม่ผมดุมาก ผมก็เลยกลัวแม่มากๆ มาจนถึงทุกวันนี้ เหมือนเป็นความฝังใจในวัยเด็ก ดังนั้น เลี้ยงลูกพยายามทำให้ลูกกล้าที่จะคุยด้วยครับ ทุกวันนี้เวลาแม่ผมหงุดหงิดคนในครอบครัวผมก็จะกลัวมากๆ แม้ว่าแม่ผมจะไม่หงุดหงิดใส่ผมเลย แต่เวลาที่แม่ผมหงุดหงิด ผมก็กลัวอยู่ดีแหล่ะ ไม่รู้ตอนเด็กๆ โดนอะไรไปบ้าง :P

โชคดีทีหลังจากได้คุยกับเมียแล้ว เมียผมก็พยายามปรับปรุงตัวเอง ซึ่งทำให้ผมคลายความเครียดที่เกิดขึ้นจากเมียไปได้ ตอนนี้เหลือแค่ความกังวลที่เกิดขึ้นจากแม่เท่านั้นเอง

การรักษา

การรักษาไม่ต้องเข้าวัดหรือไปหาหมอผีครับ ตรงดิ่งไปโรงพยาบาลแผนกจิตเวชเลย เล่าอาการให้เขาฟัง เดี๋ยวหมอดูแลให้เอง
การรักษา ผมได้ยา Fluoxetine มากิน กินไปวันแรก จากที่มีอาการอยากตาย ผมฮัมเพลงเลยครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่ายาเม็ดละไม่กี่บาทจะรักษาชีวิตผมได้ นึกถึงคนที่ตายไปโดยไม่ได้เข้ารับการรักษา ช่างน่าเสียดายจริง ยานี้เป็นยาอันตรายนะครับ ผลข้างเคียงไม่ได้มีอะไรมากนัก แต่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ ตัวยากินแล้วก็มีผลข้างเคียงเล็กน้อย ซึ่งจะต่างไปตามแต่ละคน หมอบอกว่า กินยาแล้วจะง่วง แต่ผมนี่นอนไม่หลับเลย แล้วก็กินยาช่วงแรกๆ นี่เซ็กจัดเลยด้วย แต่อย่าไปกินเป็นยาปลุกเซ็กล่ะ :)
ในส่วนของการรักษาระยะยาวแล้ว จิตแพทย์จะค่อยๆ ช่วยปรับความคิดเราไปเรื่อยๆ เพื่อให้อาการดีขึ้น ก็คือ ต้องไปพบแพทย์สม่ำเสมอ อย่าคิดว่าดีขึ้นแล้ว แล้วก็หยุดรักษาไป

22/12/57

My New Operator

สืบเนื่องจากบล๊อกก่อนหน้า ที่ผมได้มือถือใหม่มาแล้ว คราวนี้ก็ต้องมีเน็ตมือถือที่จะเชื่อมต่อเพื่อเล่น Ingress

แต่เดิมใช้ Dtac เติมเงินอยู่ (Happy) ก่อนนี้เคยใช้ 3G 199 ของ Dtac แต่หลังๆ ใช้ไม่คุ้มเลยย้ายมาเป็นเติมเงิน แต่ตอนนี้อยากเล่น Ingress อีกครั้ง (อยากวิ่ง) เลยต้องหา 3G อีกรอบ

พิจารณาว่าจะใช้โปรไหน ค่ายไหนดี ความต้องการคือ เปิด Data ได้ตลอดเวลา (ถ้าต้องเปิดๆ ปิดๆ เพราะจำกัดด้วยปริมาณ จะพาลไม่เล่นเอา) ไม่จำเป็นต้องเป็น 3G เป็น Edge ก็พอไหว แค่เล่น Ingress เอง

พบว่าโปรที่ถูกสุดที่จะใช้เน็ตไม่จำกัดได้จะเป็น You Mobile ของ AIS ที่เดือนละ 99 บาท แต่ปัญหาคือ ย้ายค่ายไม่ได้ ต้องเป็นเปิดเบอร์ใหม่เท่านั้น ดังนั้น ตัวเลือกนี้ตัดไป ส่วนตัวเลือกอื่นๆ ก็จะราคาใกล้ๆ กันแล้ว

พิจารณาไปมาแล้ว หวยไปตกที่ ทรู สุขคูณ3 ราคารวม Vat. ออกมาที่ 855 บาท/เดือน มีเน็ตบ้าน (ใช้อยู่แล้ว รวม Vat. ที่ 640บาท/เดือน), ทรูวิชั่น (แต่จริงๆ ไม่ต้องการ), มือถือ 299บาท เลือกเป็นโปร ค่าโทร 100นาที + 3G (จำไม่ได้ว่ากี่ G เพราะจริงๆ ต้องการแค่ Edge)

ถือว่าเกินความต้องการไปเยอะ แต่ก็ดูจะไม่เห็นตัวเลืือกที่ดีกว่านี้ ถ้าถูกกว่านี้จะเป็น ย้ายค่ายมารับค่าใช้งานรายเดือน 50% จะอยู่ที่ 150บาท/เดือน (ยังไม่ Vat.) ซึ่งพอรวมกับ Net บ้านที่ 640 แล้ว จะอยู่ที่ 800 บาท ซึ่งถูกกว่ากันนิดเดียว เลยยอมจ่ายเพิ่มไปเพื่อเอาทรูวิชั่น แต่ยังกังวลอยู่ ว่าจะกลายเป็นเด็กๆ ที่บ้านเลยจะติดดูการ์ตูนไป

My New Phone

ใช้ LG Optimus One มาหลายปี (ก่อนนี้ใช้ HTC HD2 อยู่พักนึง แล้วพัง เลยต้องย้ายกลับมา Optimus One อีก) ถึงคราวที่มีความต้องการเพิ่ม เลยได้โอกาสซื้อใหม่

โดยปกติ ผมจะเป็นคนที่ไม่ซื้อของเทคโนโลยีตามแฟชั่น, ซื้อเพราะรุ่นใหม่ออก, ซื้อเพราะของเราเก่าแล้ว ฯลฯ แต่ผมจะเป็นคนที่ซื้อของตามความต้องการใช้งาน

แต่เดิมผมใช้ Optimus One อยู่ ถือว่าตอบความต้องการของผมได้ครบ เพราะผมใช้แค่ฟังก์ชั่นโทรศัพท์เบื้องต้น, การแจ้งเตือนจากปฏิทิน (ป้อนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์), บันทึกบัญชีด้วย Financisto และถ่ายรูป ซึ่งด้วยความต้องการเพียงเท่านี้ Optimus One ตอบสนองความต้องการของผมได้ครบ เลยไม่เคยได้ซื้อมือถือใหม่เลยมากว่า 5ปี (HTC HD2 พี่ที่ทำงานให้มา ขอบคุณอีกครั้ง) แต่ในตอนนี้มีความต้องการใหม่เพิ่มขึ้นมา และ Optimus One ไม่ตอบโจทย์แล้ว เลยเป็นเหตุให้ต้องซื้อมือถือใหม่

ความต้องการที่ว่า

ความต้องการที่ว่า เกิดจากการที่ผมต้องการออกกำลังกาย ด้วยความที่อายุมากขึ้น รู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยจะดีแล้ว (ก็ยังไม่ถึงกับแย่ แต่ถ้าไม่เตรียมการไว้ก่อน ถึงเวลาแก่กว่านี้ก็จะเตรียมตัวไม่ทัน) แรกๆ ก็เลือกที่จะขี่จักรยาน แต่ไล่ดูมาหลายปีแล้ว ไม่เจอในราคาที่ถูกใจสักที ก็เลยตัดสินใจว่าจะวิ่งแทน

เริ่มต้นก็เริ่มด้วยการเดินกลับบ้าน แต่คิดว่าไม่พอ อยากจะวิ่งช่วงเช้ากับช่วงเย็น และวิ่งในวันหยุดด้วย (วิ่งเฉพาะช่วงกลับจากที่ทำงานคิดว่าไม่พอ) แต่ปัญหาคือ ช่วงวันหยุด หรือช่วงเช้าๆ มันไม่มีแรงจูงใจให้วิ่ง เลยคิดว่า ถ้ากลับมาเล่น Ingress อีก น่าจะได้วิ่ง เพราะช่วงที่ติดเล่น Ingress ได้เดินเยอะมาก เลยเป็นเหตุให้ต้องหามือถือที่เล่น Ingress ได้ เพราะ Optimus One ลง Ingress ไม่ไหวแล้ว

รุ่นไหนดีล่ะ

เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น มีแค่ Ingress เท่านั้น ไม่ได้ต้องการอะไรพิเศษมาก ดังนั้น มือถือใหม่ที่ผมต้องการ มี Requirement ไม่เยอะนัก 1. ไม่ใช่รุ่นจอเล็กมาก 2.ลง Ingress ได้ 3.แบตอึด 4.CPU ไม่ต้องแรงมาก (จะได้ไม่สูบแบต) 5.ราคาต่ำสุดเท่าที่จะต่ำได้

สำรวจสตลาดอยู่พักใหญ่ พบว่า หวยมาออกที่ AIS LAVA iris 700 สาเหตุหลักๆ คือ ตอบโจทย์ 5 ข้อ ข้างบน และที่สำคัญอีกข้อคือ ราคาเครื่อง 2,690 บาท จะได้เป็นค่าโทรคืนมา 2,600 บาท (เป็นโบนัสค่าโทร 260 บาท 10 เดือน) ปัญหาคือ ผมไม่เน้นโทร ผมต้องการใช้เน็ต เพราะจะเล่น Ingress เลยได้ไอเดียว่า ให้เมียย้ายไป AIS เพื่อเอาโบนัสค่าโทร ส่วนเครื่อง LAVA ผมเอามาใช้ ก็จัดการให้เมียย้ายค่าย แล้วก็ไปซื้อเครื่องมาเรียบร้อย

พนักงานแกะเครื่องเสร็จ บอกว่า "เบอร์ที่จะรับโบนัสจะต้องใช้เครื่องนี้เท่านั้นนะคะ ไม่งั้นไม่ได้โบนัส" ผมนี่ยืนขึ้นเลย แล้วทำไมมึงไม่บอกก่อนแกะวะ คือ จะว่าไม่ถามก็ไม่ใช่ เพราะก่อนหน้านี้ผมถามว่า เครื่องนี้ใช้กับซิมอื่นได้มั้ย พนักงานบอกว่าได้ (แต่ก็ไม่ได้บอกอะนะ ว่าจะไม่ได้โบนัส)

สรุปเลย เป็นอันว่า ผมต้องยก LAVA ให้เมียใช้ เพื่อจะได้ ได้โบนัสค่าโทร ส่วนผมเอา Zenfone 4.5 ของเมียมาใช้ เศร้ามาก ชิป Atom แบต 1,750 T T

ร่ายมาเสียยาว สรุปว่า ผมได้มือถือใหม่มาใช้เป็น Zenfone 4.5 (ใหม่ของผม เก่าของเมีย) เพื่อจุดประสงค์เดียวคือ วิ่งออกกำลังกายโดยมี Ingress เป็นแรงจูงใจ

เนื้อหาส่วนแถม รายละเอียดเกี่ยวกับ โปร AIS Combo Black

สัั้นๆ คือ ซื้อเครื่อง แล้วจะมีโบนัสค่าโทรให้ แทบจะเท่ากับราคาเครื่อง เงื่อนไขคือ

  1. เบอร์ที่รับโบนัส ต้องเสียบอยู่กับตัวเครื่องที่กดรหัสรับโบนัส
  2. ต้องเป็น One2Call เท่านั้น ใช้กับ You Mobile (โปรใหม่ของ AIS) ไม่ได้
  3. จะต้องเติมเงินขั้นต่ำ 100 บาท/เดือน ถึงจะได้โบนัสค่าโทร
  4. โบนัสจะถูกเติมเข้ามาในรอบเดือนถัดไป
  5. เวลาโทร เครือข่ายจะตัดค่าโทรจากโบนัสก่อน
  6. โบนัสถ้าใช้ไม่หมด ก็หมดสิทธิ์ไป ใช้ได้ในเดือนที่ได้รับเท่านั้น
  7. ค่าโทรที่เติมสามารถทบไปได้เรื่อยๆ

24/9/57

ก่อนที่มันจะสาย





จบลงอย่างนี้ทุกครั้งที่เราไม่พูดกัน ส่วนฉันก็ยังไม่รู้ว่าทำไม
เรื่องระหว่างสองเรา มันมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป วันนี้เราช่างห่างเหินเหลือเกิน
รักเรายังดีใช่ไหม หรือมีอะไรติดอยู่ในใจ ฉันทำอะไรผิดไปบอกได้ไหม

ก่อนที่มันจะสาย บอกฉันให้เข้าใจ หากฉันทำพลาดไป บอกกับฉันให้รู้อย่าเก็บไว้ข้างใน
ก่อนที่มันจะสาย ก่อนจะช่วยกันไม่ได้ บอกฉันให้เข้าใจ ถ้าหากเรายังรักกัน
บอกฉันวันนี้อย่ารอให้ถึงวัน ที่รักเราหมดไปแล้ว
(ฉันขอได้ไหมให้เธอช่วยบอกฉัน)

เพราะว่าใกล้ชิด หรือเพราะว่าเจอกันทุกวัน เจอะกันมานานจนเริ่มจะชินชา
อาจจะเหนื่อยมากไป จนบางทีเราไม่มีเวลา เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายนั้นเมื่อไหร่
รักเรายังดีใช่ไหม หรือมีอะไรติดอยู่ในใจ รักเรายังไม่ได้เปลี่ยนไปใช่ไหม

ก่อนที่มันจะสาย บอกฉันให้เข้าใจ หากฉันทำพลาดไป บอกกับฉันให้รู้อย่าเก็บไว้ข้างใน
ก่อนที่มันจะสาย ก่อนจะช่วยกันไม่ได้ บอกฉันให้เข้าใจ ถ้าหากเรายังรักกัน
บอกฉันวันนี้อย่ารอให้ถึงวัน ที่รักเราหมดไปแล้ว
(ฉันขอได้ไหมให้เธอช่วยบอกฉัน)

ฉันไม่เคยจะคิดซักนิด ไม่เคยคิดจะทำให้เธอเสียใจ
ฉันไม่เคยจะคิดทำร้าย มีแต่รักให้เธอหมดหัวใจ เธอรู้ไหม

ก่อนที่มันจะสาย บอกฉันให้เข้าใจ หากฉันทำพลาดไป บอกกับฉันให้รู้อย่าเก็บไว้ข้างใน
ก่อนที่มันจะสาย ก่อนจะช่วยกันไม่ได้ บอกฉันให้เข้าใจ ถ้าหากเรายังรักกัน
บอกฉันวันนี้อย่ารอให้ถึงวัน ที่รักเราหมดไปแล้ว
(ฉันขอได้ไหมให้เธอช่วยบอกฉัน)

ก่อนที่มันจะสาย บอกฉันให้เข้าใจ หากฉันทำพลาดไป บอกกับฉันให้รู้อย่าเก็บไว้ข้างใน
ก่อนที่มันจะสาย ก่อนจะช่วยกันไม่ได้ บอกฉันให้เข้าใจ ถ้าหากเรายังรักกัน
บอกฉันวันนี้อย่ารอให้ถึงวัน ที่ชีวิตฉันหมดไปแล้ว
(ฉันขอได้ไหมให้เธอช่วยบอกฉัน)

1/9/57

Black sea

ทะเลสีดำ: ลุลา - ต้าร์ Paradox

เพลงเก่าประมาณนึง เพิ่งได้ฟังซ้ำ รู้สึกอบอุ่นดี

ขอบคุณ ลุลา - ต้าร์




เนื้อเพลง "ทะเลสีดำ"

ทะเลสีดำ ไม่มีแสงไฟ มองไม่เห็นทาง เธอกลัวหรือไม่
ได้ยินเสียงเธอ จะกลัวอะไร จับมือฉันไว้ ฉันก็อบอุ่นหัวใจ

เธออาจเหน็บหนาว ทุกคราวที่เจอะคลื่นลม
ก็ห่มใจฉันด้วยความอบอุ่นของเธอ
อาจมองไม่เห็นเส้นของขอบฟ้าไกล
ยังมีแสงดวงดาวจะคอยนำทางให้เราก้าวไป

เธอแน่ใจ / ฉันแน่ใจ / ทะเลสีดำ / ไม่นานก็เช้า
ค่ำคืนเหน็บหนาว / จับมือฉันไว้ / ทะเลสีดำ / ไม่ต้องหวั่นไหว
จะทำเช่นไร / กอดฉันไว้เธอ

ทะเลสีดำ ทำให้ฉันกลัว อาจทำให้เธอ นั้นต้องลำบาก
ไม่เห็นเป็นไร อย่าไปคิดมาก มันคงไม่ยาก เพียงเธอจับมือฉัน

เธออาจเหน็บหนาวทุกคราวที่เจอะคลื่นลม
ก็ห่มใจฉันด้วยความอบอุ่นของเธอ
อาจมองไม่เห็นเส้นของขอบฟ้าไกล
ยังมีแสงดวงดาวจะคอยนำทางให้เราก้าวไป

เธอแน่ใจ / ฉันแน่ใจ / ทะเลสีดำ / ไม่นานก็เช้า
ค่ำคืนเหน็บหนาว / จับมือฉันไว้ / ทะเลสีดำ / ไม่ต้องหวั่นไหว
จะทำเช่นไร / กอดฉันไว้เธอ

27/8/57

Problem management

เราบริหารจัดการปัญหากันอย่างไร ?

ผมเองมักจะโดนด่าอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นพวกชอบหนีปัญหา ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน ว่าทำไมผมชอบหนีปัญหา แต่เพิ่มมาตกผลึกและเข้าใจตัวเองเอาตอนนี้

ผมว่า ผมแบ่งปัญหาออกเป็นสองประเภท (เพิ่งรู้ตัว) คือ ปัญหาที่สามารถแก้ได้(เกิดจากปัจจัยภายใน) กับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้(เป็นปัจจัยภายนอก)

เมื่อแบ่งปัญหาออกเป็นสองประเภทได้แล้วก็จริง แต่ในวิธีการแก้ปัญหา เราสามารถแก้ได้อย่างเดียวคือ แก้ที่ตัวเอง เพราะเราไม่สามารถไปจัดการคนอื่นได้ แล้วปัญหาที่เป็นปัจจัยภายนอกผมทำยังไง วิธีคือ ปรับมุมมอง และอยู่กับมันให้ได้ เรียกว่า ทำใจให้ชิน เพราะสุดท้ายแล้ว ยังไงเราก็ไปแก้มันไม่ได้นี่นา หรือปัญหาบางอย่าง ถ้าจะแก้ อาจต้องขุดรากถอนโคน ซึ่งปัญหาที่แก้ได้ อาจไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปก็ได้

ตัวอย่าง น้ำในโอ่งมีเศษใบไม้ และตะกอน

ใบไม้เราอาจจะหยิบออกได้ เพราะมันเป็นชิ้นๆ เราหยิบใบไม้ทิ้งโดยไม่ต้องเสียน้ำในโอ่งได้ แต่ตะกอน ถ้าเราอยากจะกำจัดมัน เราก็ต้องตักมันที่ก้นโอ่ง การตักตะกอนออก เราจะต้องเสียน้ำไปด้วย ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาของตะกอนในน้ำก็คือ อย่าไปนึกถึงมัน จะกินน้ำก็ตักบนๆ เอา อย่าไปกวนมันขึ้นมา แค่นี้เราก็อยู่กับปัญหาได้ โดยไม่ต้องไปแก้มัน แล้วเราก็ไม่ต้องได้รับผลกระทบจากปัญหาอีก

ดังนั้นผมได้คำตอบให้ตัวเองว่า ผมไม่ได้เป็นคนหนีปัญหา แต่วิธีแก้ปัญหาของมันเป็นแบบนั้นเอง และผมว่า มันก็ดีนะผมชอบ ดีออก

Million way to die

ตั้งชื่อล้อเลียน Million way of love เห็นว่าจะออกชุดที่สอง :)

ตามหัวข้อ หลากหลายวิธีที่เราจะตาย ก่อนที่จะเข้าสู่วิธีการตาย ลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตายก่อน

*หมายเหตุ ออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตาย เพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์ตรง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์

ความตายเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องพบต้องเจอ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ อย่างไรวันนั้นต้องมาถึง หลายคนเลือกที่จะลัดคิวตายก่อนเวลาที่กำหนด หลายคนตายด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ในบทความนี้จะพูดถึงการลัดคิวตายเท่านั้น

การลัดคิวตาย หรือการทำให้ตัวเองตายก่อนกำหนด ในหลายๆ ศาสนาถือว่าเป็นเรื่องผิด และมีข้อกำหนดว่า ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณจะต้องไปเจอเรื่องที่เลวร้ายกว่า

ทำไมต้องลัดคิวตาย

การลัดคิวตายนั้น คนที่ไม่เคยย่อมจะบอกว่า ไอ้คนที่ทำแบบนั้นมันไม่รักตัวเอง จริงๆ แล้ว ผิดเลยครับ เขารักตัวเองต่างหาก เขารักตัวเองเกินกว่าที่จะปล่อยให้ตัวเองต้องเผชิญกับความทุกข์อีกต่อไป เขาเลยเลือกที่จะลัดคิวตาย โดยแลกกับการที่จะไม่ได้พบความสุขในอนาคตอีก ซึ่งมันแปลได้ว่า เขาคิดแล้วว่าคุ้ม(คิดสั้นหรือยาวอันนี้อีกเรื่อง) เพราะเขาเชื่อว่า ความทุกข์ที่เขาต้องพบนั้นมันมากกว่าความสุขที่จะได้รับ

ถ้าเราเลือกที่จะลัดคิวตาย เราจะตายยังไงดีให้ไม่ต้องทุกข์ในระหว่างตาย ไหนๆ จะตายทั้งทีควรตายแบบเป็นสุข

เนื่องจากขั้นตอนในการจะตายนั้นเป็นทุกข์ ดังนั้น ถ้าเราผ่านขั้นตอนนั้นโดยไม่รับรู้ น่าจะเป็นการดี ลองมาลิสต์กันเล่นๆ

- กินยานอนหลับ แล้วตั้งเวลาให้ปืนยิงตัวตาย
- กินยานอนหลับ แล้วตั้งเวลาให้ไฟฟ้าช๊อตตาย

นึกไม่ออกละ ไว้ถ้านึกออกอีกจะเอามาลิสต์เพิ่มให้ เผื่อใครอยากลัดคิว :)

18/6/57

Tablet นักเรียน

ดังที่เป็นข่าวว่า คสช. สั่งเลิกโครงการ Tablet นักเรียนแล้ว น่าจะเพราะโครงการไม่ประสบความสำเร็จ

ปัญหาและอุปสรรค
  • จอไม่ชัด
  • สื่อการเรียนการสอนไม่ดี
  • บุคคลากรไม่มีความรู้ที่จะใช้
  • ขาดคนทำคอนเทนต์
แนวทางแก้ไขที่ขอเสนอ
  • ปรับไปใช้จอ E-Ink
  • ยกเลิกหนังสือเรียน บังคับใช้ Tablet แทนหนังสือทั้งหมด
  • แบบฝึกหัด หรือบททดสอบ ให้ทำเป็นแบบตัวเลือก ตามที่ E-Ink จะตอบสนองได้
  • สมุดจด กระงานวาดเขียนให้ใช้กระดาษตามเดิม
แผนการ 5 ปี ใช้กับนักเรียนทุกช่วงชั้น โดยตัดงบประมาณจากหนังสือกระดาษมาทำ ระหว่างนี้ให้ทำคอนเทนต์ที่เหมาะกับ Tablet ไปพลาง เมื่อพร้อมค่อยขยับไปใช้ Tablet

อวสาน

9/6/57

สิทธิ/หน้าที่

ในช่วงเวลาที่ถูกริดรอนสิทธิ์ไป คนกลุ่มหนึ่งออกมาเรียกร้องถามหาสิทธิ์ และคนอีกกลุ่มก็มาเสนอแนะว่า ไปหัดรู้จักหน้าที่ก่อนดีไหม แล้วค่อยมาเรียกร้องสิทธิ์ ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจดี

ส่วนตัวมองว่า หน้าที่จะเกิดขึ้นเองเมื่อเราเรียนรู้ และรู้จักที่จะเรียกร้องสิทธิ์ เพราะเมื่อทุกคนเรียกร้องสิทธิ์ได้เป็น เราก็จะไม่สามารถละเมิดสิทธิ์คนอื่นได้ และเมื่อนั้นเราก็จะถูกกรอบคอยตบให้เราทำหน้าที่เอง

น่าสนใจว่าในประเทศอื่นๆ หน้าที่กับสิทธิ์อันไหนเกิดขึ้นก่อนกัน เดาว่า ญี่ปุ่นเกิดจากทุกคนทำหน้าที่ เมื่อทำตามหน้าที่ก็ไม่ต้องเรียกร้องสิทธิ์ เพราะไม่มีใครละเมิดสิทธิ์ใครให้ใครต้องออกมาเรียกร้อง ส่วนอเมริกา คงเกิดจากการเรียกร้องสิทธิ์จนทุกคนต้องทำไปตามหน้าที่ของตัว

ปล.เดาเอาล้วนๆ

23/5/57

2 months of reflux disease

เกือบครบสองเดือนกับการพยายามรักษาตัวจากอาการกรดไหลย้อน จะบอกว่าเป็นมา 2เดือน ก็คงไม่ได้ เพราะจริงๆ เป็นมานานแล้ว แต่เพิ่งรู้ตัวเมื่อเกือบๆ 2 เดือนที่ผ่านมา

ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลักจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

หลังจากได้ยามา ผมก็ปรับพฤติกรรมการกินอย่างที่หมอบอก

  • งดของทอด
  • งดของมัน
  • กินน้อย แต่บ่อยครั้ง ซอยเป็นวันละ 5 มื้อ

ยากินได้ 2 สัปดาห์กว่าๆ ช่วงที่กินยาดีมาก ดีจนรู้สึกว่าหายป่วยแล้ว และเมื่ออาการปกติผมก็ประมาท (อันนี้รู้ตัวอยู่แล้ว) ก็เริ่มจะกินของตามอยากตามที่เราเป็น ผลคือ เมื่อยาหมดอาการก็กลับมา ค่อนข้างรู้สึกดีที่ร่างกายมันส่งสัญญาณมาบอกเรา เพื่อให้เรารู้ว่าเราดูแลมันไม่ดีพอ

พออาการกลับมาเป็นอีก ก็ต้องกลับมาปรับพฤติกรรมเหมือนเดิม

หลังจากต่อสู้อยู่เกือบ 2 เดือน พบว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก

  • ระมัดระวังในการกิน
  • พิจารณาว่าสิ่งที่จะกินเข้าไปมันคืออะไร (ถ้ากินของที่ทำให้เกิดอาการ พอเกิดอาการขึ้นมาก็จะรู้ตัวว่าสาเหตคืออะไร)
  • อ่านข้อมูลโภชนาการข้างบรรจุภัณฑ์ออกจากที่ไม่เคยดูรู้เรื่อง (ใครอ่านไม่ออกลองศึกษาเพิ่ม)
  • น้ำหนักหายไป 10โลกว่าๆ (โหดมาก)
  • รู้สึกอยากกินของอร่อยอยู่เป็นระยะๆ อาการเหมือนสะกดจิตตัวเอง T T
  • จำกัดปริมาณในการกินของอร่อย ผมกินช็อกโกแลตวันละ 1 ชิ้น แก้อยาก แต่กินอย่างเสพกามไม่ได้แล้ว

โซลูชั่นในการกิน

ผมค้นพบโซลูชั่นในการกิน ว่าจะกินอะไรยังไงดี ซึ่งน่าจะมีประโยชน์กับผู้จะเดินตาม ก็ หลังจากที่หมอบอกให้ลดปริมาณ และซอยมื้ออาหาร ก็ต้องหาโซลูชั่นว่าจะกินอะไรยังไงดี ผมก็ลองมาหลายอย่าง จนมาลงตัวที่

  • อย่างแรกคือต้องกินให้ตรงเวลา อันนี้สำคัญมาก กำหนดกรอบเวลาไว้ ว่าต้องกินในช่วงเวลาไหน พยายามอย่าให้เกินเวลาที่กำหนด
  • 7.30 - 8.30 มื้อเช้า ผักต้ม หรืออะไรต่างๆ ที่หาได้กับน้ำพริกอร่อยๆ ไม่กินข้าว โปรตีนก็เน้นปลาต้ม นึ่ง ย่าง
  • 10.00 มื้อสาย คอร์นเฟลกซ์ 1 กล่อง ขนาด 10 บาท ปริมาณกำลังพอดี (มีคาร์โบไฮเดรต 7% ของปริมาณที่ต้องการ น้ำตาลแทบไม่มี ผมกินเคลล๊อกรูปไก่ ดีสุดในบรรดาคอร์นเฟลกทั้งหมด)
  • 12.15 - 12.45 กลางวัน กินของที่ปริมาณน้อยลงจากมื้อปกติ เช่น เกาเหลา, เกี๋ยวน้ำ, สุกี้, ส้มตำ อาหารพวกนี้ถึงปริมาณจะไม่น้อยเท่าที่ต้องการ แต่เมื่อไม่มีแป้ง จะลดการแน่นกระเพาะไปได้ กรณีไปข้างนอกแล้วจะหาอาหารทานได้ยาก แนะนำ 7-11 ทูน่ากระป๋องในน้ำเกลือ หรือในน้ำแร่ (แพงหน่อยแต่ดีกว่าปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ เพราะมันจะมีโซเดียมเยอะ)
  • 15.00 มื้อบ่าย คอร์นเฟลกอีกรอบ
  • 18.00 - 19.00 มื้อเย็น กินเหมือนมื้อเช้า ตบด้วยขนมที่อยากกิน เพื่อให้รางวัลกับชีวิต

กินตามนี้ถือว่าโอเคสำหรับอาการกรดไหลย้อน แต่คาโบไฮเดรตจะน้อยไปหน่อย ก็ถือว่าลดน้ำหนักไปในตัว คิดว่าอาจปรับด้วยการกินข้าวบ้างในช่วงเช้า

13/5/57

Comment is it

มีปัญหากับเรื่องของการคอมเมนต์นิดหน่อย พอดีเมื่อวันก่อนมี discus ในห้องเรียน ผมก็แสดงความเห็นบางอย่าง แต่โดน อ. ติกลับมาว่า “ถ้าคอมเมนต์แบบ negative อย่าคอมเมนต์” ผมแบ่บว่า เอ่อ งง

คือ “อย่าคอมเมนต์ ?” “อย่าแสดงความเห็น ?” ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ อ. จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมผมคอมเมนต์แบบนั้น ผมคิดอะไร หรือถ้าผมคอมเมนต์นอกประเด็น จะบอกว่าอันนี้นอกประเด็นก็ได้ แต่เล่นบอกว่าอย่าคอมเมนต์ เล่นเอาผมเสียเซลฟ์ไปเลย หรือถ้าสิ่งที่ผมคอมเมนต์มันผิด ก็แย้งมาว่าผิดตรงไหนอย่างไร เพราะนี่คือการ discus ไม่ใช่ lecture

เราจะได้และเสียอะไรจากสิ่งนี้

อ. จะได้ความเห็นที่ตรงใจมากขึ้น เพราะได้ใส่ฟิลเตอร์ไว้แล้ว ว่าบางคอมเมนต์อย่าพูด อ. จะไม่ได้ความเห็นที่หลากหลาย ไม่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นที่แตกต่างจากที่อยากเห็น นักเรียนจะระมัดระวังในการพูด จากที่คนกล้าพูดมีน้อยอยู่แล้ว ก็จะน้อยลงอีก เพราะไม่มีใครรู้ได้ล่วงหน้าว่าสิ่งที่จะคอมเมนต์มัน negative หรือเปล่า ดังนั้น การไม่พูดย่อมปลอดภัยกว่า

ในการแสดงความเห็นในชั้นเรียนหรืองานสัมมนา มันเป็นเรื่องง่ายที่เราจะเขียมๆ เงียบๆ ไว้ แล้วพอมีใครแสดงความเห็นโง่ๆ หรือพูดอะไรแปลก เราก็แค่ร่วมกันหัวเราะในความโง่หรือความประหลาดที่คนนั้นๆ แสดงออกมา เพราะมันทำให้เราได้มีส่วนร่วมอย่างง่าย โดยไม่ต้องลงทุน และไม่ต้องเสี่ยง (ว้าว การแสดงความเห็นในห้องเรียน หรืองานสัมมนาถือเป็นความเสี่ยง เยี่ยมเลย) นี่คือบรรยาการของการเรียนรู้แบบกลุ่มในสังคมบ้านเรา และนี่เป็นสาเหตุที่ทำไมเราถึงไม่ค่อยคิด เพราะการคิดและการแสดงออกจะทำให้เราเจ็บปวด

สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมนึกถึงสมัย ป.3 ตอนนั้น อ. ถามว่า ดินชั้นบนหรือดินชั้นล่างมีอินทรีย์สารมากกว่ากัน ผมตอบชั้นล่าง อ. บอกว่าผิด เพราะที่ถูกต้องเป็นชั้นบน เพราะสัตว์ตายทับถมกันอยู๋ข้างบน อ. บอกว่าผมตอบผิด ซึ่งมันก็ผิดแหล่ะ แต่ อ. จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมผมตอบแบบนั้น ? อ. อาจคิดว่าผมไม่สนใจเรียนผมเลยตอบผิด แต่จริงๆ แล้วที่ผมคิดคือ ไดโนเสาร์ตายอยู่ชั้นล่าง ตัวใหญ่กว่าก็ต้องมีอินทรีย์สารมากกว่าข้างบน (ตอนนั้น ป.3 และผมคิดแบบนั้นจริงๆ) การที่ อ. ไม่ถามและบอกแค่ว่า ผมตอบผิด มันทำให้ผมรู้สึกไม่มีคุณค่าเอาเสียเลย

กลับมาที่ชั้นเรียน ผมยังจำคำถามในการเรียนครั้งแรกๆ ได้ “คลาวด์ มีผลต่ออาชีพยังไง” a) สร้างอาชีพเพิ่มขึ้นมากมาย b) ทำให้อาชีพหนึ่งหายไป และทำให้เกิดอีกอาชีพขึ้นมา, แน่นอน ผมรู้อยู่แล้วว่า คำตอบตามตำราน่ะมันคือ a แต่ใจผมคิดว่ายังไงเสียในความเป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ b ผมตอบออกไปโดยไม่ได้คิดนานด้วยความมั่นใจ อ. ตอบกลับมาแค่ว่า ผิด และเพื่อนร่วมชั้นอีกท่านก็ตอบคำตอบ a และแน่นอน มันถูกต้อง

ทำไมเราถึงต้องหลบความจริง เพียงเพราะการหลอกตัวเองนั้นมันสวยงาม ทำไม อ. ไม่ถามว่า ผมคิดอะไร และร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นในคำตอบที่แตกต่างกัน ทำไม อ. เลือกจะให้นักเรียนจำว่าคำตอบที่ถูกต้องคืออะไร และใส่เหตุผลตามตำรา หรือตามที่ตัวเองคิดมาลงในหัวนักเรียน (มันแปลง่ายๆ เลยว่า เธออย่าคิด เธอจำคำตอบนี้ไว้ก็พอ) ใช่ครับ เราเรียนเรื่องคลาวด์อยู่ แต่ทำไมเราต้องบอกว่ามันดีไปเสียหมด ทั้งที่จริงๆ มันทำให้บางคนตกงาน และบางคนก็ได้งานใหม่ขึ้นมา

เรามาลองคิดเล่นๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคำตอบในแต่ละแบบ

  • ถ้าเรามองว่าในความเป็นจริงคือ a คลาวด์ไม่ได้ทำลายอาชีพใครเลย คลาวด์สร้างงานมากมายต่างหาก เราก็สนับสนุนไป แต่คลาวด์ก็ไม่เกิดในองค์กร เราไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เพราะคลาวด์มันมีแต่ข้อดีนี่น่า งั้นแสดงว่าเขายังไม่มีความรู้ในเรื่องนี้กันมากพอ วิธีแก้คือ ให้ความรู้มากขึ้น คนจะได้เข้าใจและยอมรับ
  • คราวนี้ลองมองเคส b บ้าง คลาวด์ทำลายงานบางงาน เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่ามันกระทบกับงานใคร system admin ? ดังนั้น ก็เป็นไปได้ที่ system admin จะกลัวตกงานหากระบบต้องย้ายไปคลาวด์ ดังนั้นจึงคอยสกัดไว้ และเมื่อมีคนมา educate เท่าไหร่ มันก็ไม่เกิด เพราะเขากังวลในหน้าที่การงานของเขาอยู่ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเขาไม่ได้ถูกทำให้หายไป เพราะเราทำเป็นมองไม่เห็นมัน

จากสองตัวอย่างข้างต้น ถ้าเราเห็นปัญหาตามที่ปัญหาเกิดจริงๆ เราก็จะรู้ปัญหาที่แท้จริง และแก้ไขมันได้อย่างตรงจุด

การทำเป็นมองไม่เห็นปัญหา มันง่าย และสวยงาม เหมือนการเขียนสรุปโครงการภาครัฐโง่ๆ ที่เราไม่สามารถเขียนได้ว่า โครงการล้มเหลวเพราะอะไร เราต้องหาเหตุผลมาอธิบายว่า โครงการประสบความสำเร็จ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ดึงๆ มา ใช่ มันทำให้ดูดี มันทำให้เราประสบความสำเร็จ และปัญหาที่เราพยายามมองข้ามไป มันก็จะเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ เพราะเราไม่รับรู้ว่ามันมีปัญหานั้นๆ อยู่

เราอยากเป็นสังคมที่พัฒนา เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สิ่งที่เขาเป็นคือ เขาคอมเมนต์ครับ เขาติ เขาเห็นปัญหา เขาแนะว่าอะไรไม่ดี และร่วมกันหาคำตอบว่า ไอ้ที่ดีน่ะเป็นยังไง ซึ่งแตกต่างจากบ้านเราที่ ถ้าใครติ หรือใครทวงสิทธิ์จะถูกสังคมมองว่า เป็นพวกเยอะ เรื่องมาก เอาแต่ใจ ไม่รู้จักหยวน ดังนั้น จงมีความสุขกับระบอบทักษิณกันครับ แน่นอน ผมก็จะมีความสุขด้วย

17/4/57

น้ำล้นแก้ว

น้ำล้นแก้วเป็นคำที่เรารู้จักกันดี มักใช้ในการติผู้คนที่ไม่ยอมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเปรียบได้กับแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่เต็ม ไม่เหลือที่ว่างให้ใส่น้ำเพิ่มเข้าไปได้อีก เหมือนกันคนที่ไม่ยอมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ

ช่วงที่ผ่านมาของชีวิตผมเจอปัญหานี้อยู่บ่อยครั้ง แต่สิ่งใหม่ที่ผมได้ค้นพบคือ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่แก้วที่น้ำเต็มแล้วเท่านั้น แต่กลับมีปัญหามากขึ้นตรงที่ดันมีอีกคน พยายามเทน้ำลงไปในแก้วที่น้ำเต็มอยู่แล้ว ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่า เทลงไปแล้วน้ำมันจะล้นออกมา และน้ำที่เทลงไป มันไม่ได้เข้าไปในแก้วเลย

โดยปกติ ถ้าผมเป็นคนเทน้ำเมื่อเทไปแล้วเห็นว่าน้ำล้นออกผมก็หยุดเท เพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ และแก้วนั้นไม่ใช่แก้วของเรา เราไม่สามารถเทน้ำออกจากแก้วนั้นได้ มีเพียงเจ้าของแก้วเท่านั้น ที่จะเทน้ำออกได้ เมื่อเจ้าของแก้วยังไม่เทน้ำเก่าออก ก็ไม่มีอะไรที่เราจะสามารถทำได้ นอกเสียจากปล่อยไป

บางที คนที่พยายามเทน้ำลงไปในแก้วที่น้ำมันเต็มแล้วอาจจะเป็นคนที่น้ำล้นแก้วเสียเอง เพราะไม่ยอมเปิดรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า ว่า แก้วที่น้ำเต็มแล้วไม่สามารถเทน้ำลงไปได้อีก

4/4/57

Gastroesophageal reflux disease

เมื่อคืนไปหาหมอช่วงหัวค่ำ เหตุคือ รู้สึกแน่นท้องรุนแรง ลมตีขึ้นจนหายใจลำบาก แล้วก็เป็นมาสัปดาห์นิดๆ แล้ว อาการไม่ดีขึ้น ก็เลยตัดสินใจขับรถเข้าเมืองไปรามา (ก่อนหน้านี้ไปคลินิคแถวบ้านมาแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น) จริงๆ แล้วอาการแบบนี้เคยเป็นอยู่ แต่ไม่รนแรงเท่านี้ ครั้งนี้เลยกังวลมาก

ไปถึงหมอ เล่าอาการเรียบร้อย หมอบอกว่าเป็นกรดไหลย้อน ตอนก่อนไปก็เสริชดูแล้ว ก็ได้ความแบบนี้แหล่ะ ก็คือ อาการตรงกับกรดไหลย้อน แต่สันนิษฐานไปว่า น่าจะหนักกว่า พาลคิดไปว่าอาจเป็น อาหารไม่ย่อย ไม่หมอสรุปให้ว่ากรดไหลย้อนนั่นแหล่ะ

อาการของโรคมีอยู่ 3 ระดับ


  • ระดับแรก ผู้ป่วยมีภาวะกรดไหลย้อนบ้างในบางครั้ง เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง แล้วก็หายไป ไม่มีผลต่อสุขภาพมากมาย (Gastro-Esophageal Reflux : GER)
  • ระดับสอง ผู้ป่วยจะมีอาการกรดไหลย้อนขึ้นมาเฉพาะที่บริเวณหลอดอาหาร (Gastro-Esophageal Reflux Disease : GERD)
  • ระดับสาม ผู้ป่วยมีกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมาก จนไหลขึ้นไปถึงกล่องเสียง หรือหลอดลม (Laryngo-Pharyngeal Reflux : LPR)

จากอาการ เป็นมากกว่าระดับ 1 แน่ๆ แต่มันเป็น 2 หรือ 3 อันนี้ไม่รู้เลย แต่ไม่ว่าจะระดับไหน การรักษาก็รักษาแบบเดียวกัน

แนวทางการรักษา

หมอบอก มันไม่ใช่โรคที่หายได้โดยเร็ว เป็นโรคที่ต้องรักษาด้วยการแกพฤติกรรม แนวทางก็ไล่ตามนี้

  • กินอาหารอ่อน
  • งด เหล้า เบียร์ กาแฟ ชา
  • งด ของมัน ของทอด ของย่อยยาก ของที่ทำจากนม (บอกว่างดของอร่อยซะก็แล้ว)
  • ให้กินน้อยแต่บ่อยครั้ง คือ อย่ากินให้แน่น แต่อย่าปล่อยให้ท้องว่าง
  • อย่างสุดท้าย ลดน้ำหนัก

ผมเป็นคนที่มีความสุขกับการกินมาก ซึ่งก็คงเป็นงานอดิเรกของคนอ้วนทั่วไป ผมเสพกามด้วยลิ้นมานานมากจนเป็นเหตุให้กระเพาะลำบาก หมดเวลาเสพกามแล้ว ต้องกลับมาดูแลร่างกาย T T แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพอหายผมก็กลับมากินตามเดิมนั่นแหล่ะ (อันที่จริงเรียกว่าน่าห่วงมากกว่า)

5/2/57

คนเท่ากัน

คนเท่ากันไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องเท่ากัน (เงินเดือนเท่ากัน มีบ้านมีรถขนาดเดียวกัน) แต่หมายถึง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้ความพยายาม ความสามารถ ที่จะก้าวไปถึงตำแหน่ง หรือสถานะที่คนใดๆ เป็นอยู่ได้ และไม่มีใครมีสิทธิ์พิเศษที่คนอื่นๆ จะไม่สามารถก้าวขึ้นมาเท่าเทียม หรือมาเป็นตำแหน่งนั้นๆ ได้ ‪#‎นิยามคำว่าคนเท่ากันในแบบของผม‬

31/1/57

Respect my Vote no

ใกล้เลือกตั้ง 2 ก.พ. เข้าไปทุกที ก็เริ่มเห็นมีการรณรงค์อะไรบางอย่างกับช่อง "ไม่ลงคะแนน" อีกแล้ว โดยล่าสุดเห็นว่ามีการรณรงค์ในเชิงว่า กาช่อง ไม่ลงคะแนน เพื่อเป็นการบอกว่า ต้องการปฏิรูป และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้เราก็เคยโดนเสื้อเหลืองขโมยช่องดังกล่าวไปแล้ว โดยบอกว่า ร่วมกันตบหน้านักการเมือง ซึ่งปีนั้นผมก็อดกาช่องไม่ลงคะแนน

เรียนตามตรงเลยว่า แคมเปญจ์ลักษณะนี้ ผมไม่พอใจเป็นอย่างมาก คือ ไม่พอใจรุนแรงเลย เหตุเพราะ โดยปกติผมเป็นคนที่มักจะกาช่องไม่ลงคะแนน หากยังไม่มีผู้สมัครที่ผมพอใจ และในความหมายของการไม่ลงคะแนน คือ ผมต้องการจะสื่อว่า "ผมเห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่" คือ ใครชนะผมก็เห็นชอบตามนั้น ไม่ใช่ ไม่ลงคะแนนเพื่อ ต้องการอะไรบางอย่างแน่ๆ

แล้วถ้าคนกาช่อง ไม่ลงคะแนน เยอะล่ะ จะเป็นยังไง เท่าที่ได้ข้อมูลมา คือ ถ้าคนกาช่องไม่ลงคะแนนเกินกว่า 50% กกต. จะต้องทำอะไรบางอย่าง ซึ่งอันนี้เป็นข้อมูลที่ผมได้ฟังมา ดังนั้นอย่าอ้างอิง และถ้ามีข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยเสนอก็ดีครับ

ดังนั้น การรณรงค์เอาช่อง "ไม่ลงคะแนน" ไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น คือ การปล้นสิทธิ์ หรือปล้นคะแนน ของผู้ที่กาช่อง "ไม่ลงคะแนน" แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับการรณรงค์นั้นๆ ไปอย่างเต็มๆ และอย่างที่บอก ผมไม่พอใจมาก

ผมเคยเสนอไปในกลุ่มของเฟซ กลุ่มหนึ่ง ว่า ถ้าอยากรณรงค์แนวคิดใด ก็ไปตั้งพรรค แล้วออกนโยบาย เพื่อหาคนเห็นด้วย เพื่อกาลงในช่องพรรคของท่านสิครับ ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับคือ "คุณไม่มีสิทธิ์ไล่ให้ใครไปตั้งพรรคนะครับ เรามีสิทธิ์ที่จะรณรงค์แบบนี้" หลังจากที่ผมอ่านความเห็นดังกล่าว บอกเลยว่า ผมปรี๊ดมาก เหี้ยไรวะ สัด แม่งมาปล้นช่องของกู แล้วเสือกมาบอกว่ากูไม่มีสิทธิ์ ไอ้สัด (โมโหมากๆ) นี่แปลว่า ผมต้องไปตั้งพรรคใหม่ว่า พรรคโหวตโน แบบนี้ป่ะ

ถ้าผมโดนปล้นช่องนั้นไปแล้ว ผมจะทำอะไรได้บ้าง ทางเลือกที่เป็นไปได้

  • ประชดเลือกพรรคที่แม่งต่อต้านเสียเลย สัส เสือกขโมยของกู: อันนี้ๆม่น่าจะใช่คำตอบ เพราะไอ้คนที่มันไม่ชอบ กูก็ไม่ชอบเหมือนกัน จะประชดสาวด้วยการไปอัดถั่ว คงไม่เข้าท่าแน่
  • ยอมกาช่อง "ไม่ลงคะแนน": ไม่น่าใช่อีก โจรมาปล้นบ้านแล้วจะให้ประเคนของให้มันอีกรึ
  • กาช่องไม้ประดับที่ไม่ชนะแน่ๆ: ก็ไม่ถูกอีก เพราะเหมือนเราไปให้ความหวังกับคนที่เราไม่ได้รัก ทำให้เขาเข้าใจผิดเสียเปล่าๆ คือ โกรธมันแล้วมาลงกับมึง อันนี้ไม่ถูกต้อง
  • ทำบัตรเสีย: จะกลายเป็นว่า เพิ่มจำนวนคนไม่รู้ว่าต้องลงคะแนนยังไง งานไปตกที่ กกต. ว่าต้องรณรงค์ให้ความรู้ในการเลือกตั้งอีก ต่างชาติจะเห็นว่าเราโง่อีก
  • ไม่ไปเลือกตั้ง: แล้วมันเรื่องอะไรล่ะวะ

ดังนั้นผมขอต่อต้านการนำช่อง "ไม่ลงคะแนน" ไปใช้เพื่อเห็นผลอื่นครับ ขอความกรุณา Respect my Vote no ด้วยครับ

ถ้าคุณยังไม่เข้าใจที่จะเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น คุณจะเ้ขาใจประชาธิปไตยได้ยังไงครับ ?