1800

เป็นเพลงที่โดนมากของปี ใครเคยเป็นซึมเศร้าน่าจะอินเป็นพิเศษ

มันน่าทึ่งมากที่ผมเคยเป็นครบเลยล่ะ หลายๆ คนอาจพอนึกออกว่า I don't wanna be alive I just wanna die today นั้นมันเป็นยังไง แต่อาจจะนึกไม่ออกว่า I finally wanna be alive I don't wanna die today นั้นมันรู้สึกยังไง จริงๆ การได้เป็นซึมเศร้า ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการที่ดีของชีวิต ผมเคยเจอหลายๆ คนที่ไม่เข้าใจ คิดเอาว่าโรคทางจิตเป็นเรื่องของการคิดไปเอง, เรียกร้องความสนใจ หรืออื่นๆ แต่หลักๆ เลยมันก็เป็นเรื่องของเคมีนั่นแหล่ะ และผมก็ยังคงโทษว่า สาเหตเป็นเพราะเราทำให้กัญญาผิดกฎหมายอยู่นั่นเอง ฮาาาา

กลับมาที่เรื่องของเพลง 1800 ทำมาเพื่อให้คนตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของโรคซึมเศร้า เพื่อมอบให้กับเชสเตอร์เบลลิงตัน (ผมเองก็โตมาในยุค linkin park แม้จะไม่ได้ชื่นชอบมากนัก แต่ก็นับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตวันรุ่นแหล่ะ) น่าเศร้าที่เชสเตอร์ต้องตายให้กับโรคที่รักษาได้ด้วยยาเม็ดละไม่ถึง 10 บาท แต่ก็เป็นเพราะเราไม่รู้ และไม่เคยพยายามทำความเข้าใจถึงโรคนั่นแหล่ะ ทำให้ผู้ป่วยหลายคนไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเผชิญและต่อสู่อยู่นั้น มันคือโรคภัยอย่างนึง


ในส่วนของเพลง ผมว่ามันโอเคมาก แต่ใน mv จะเป็นเรื่องราวชีวิตรุมเร้าของคู่รักร่วมเพศ ซึ่งผมไม่ค่อยอิน ก็น่าจะเป็นเพราะบ้านเราค่อนข้างเสรีกับเรื่องรักร่วมเพศด้วย เลยไม่รู้สึกว่ามันเข้ากับเพลงนัก

ซึมเศร้าเป็นโรคติดต่อ และการรักษานั้นยาก เพราะผู้ป่วยสามารถปฏิเสธได้ว่าฉันไม่ได้ป่วย เนื่องจากการจะวิเคราะห์ว่าใครเป็นหรือไม่เป็น ต้องเกิดจากการสอบถาม ไม่สามารถวัดได้เหมือนโรคทั่วๆ ไป (จริงๆ มันมีผลต่อร่างกายนะ ในทางกลับกันผลจากร่างกาย หรือโรคอื่นๆ ก็ส่งผลให้ซึมเศร้าได้ แต่ผู้ป่วยสามารถปฏิเสธได้ โดยบอกได้ว่า ฉันไม่ได้เป็นซึมเศร้า ฉันเป็นอย่างอื่น) นี่เลยเป็นสาเหตให้ผู้ป่วยหลายรายปฏิเสธการรักษา และมันก็ลามไปติดคนอื่นๆ ได้

ลองนึกถึงการติดต่อของโรค ลองนึกถึงตอนประถม ที่เราจะมีครูผู้หญิง ดุๆ โหดๆ ให้คุณตีความว่านั่นเป็นอาการของโรค และเธอไม่รักษา เราเป็นนักเรียนประถมตัวเล็กๆ เราเลี่ยงจากการเผชิญครูคนนั้น และการที่ครูคนนั้นไม่รักษา มันก็ติดไปยังเพื่อนครูคนอื่นๆ คนในครอบครัว

จริงๆ ผมเชียร์ให้การตรวจสุขภาพจิตเป็นการตรวจประจำปีเหมือนการตรวจสุขภาพกายนะ สงสัยต้องไปรณรงค์ใน change org บ้างละ :P

mi a1

จากครั้งก่อน สั่งซื้อ Nokia6 ให้ลูกไปแล้ว สั่งไปได้ยังไม่ทันครบสัปดาห์ เจอ mi a1 ออก แถมยังมาในราคาแสนถูกอีก เรียกว่าผิดคาดไปเลย

 และด้วยความที่ Nokia6 ไม่สามารถส่งสักที ก็เลยกดยกเลิกไป โชคดียกเลิกได้อีก ก็เลยได้ไป pre order mi a1 มา สรุปคือ คุณลูกได้ mi a1 ไปใช้ ช่วงแรกหาอุปกรณ์เสริมยากมาก แต่ค้นไปค้นมา เจอว่ามันคือบอดี้เดียวกับ mi 5x ก็เลยได้ฟิลม์กันรอย กับเคยมาเรียบร้อย
 สรุปคร่าวๆ เลยละกัน

• android one เจ๋งมาก ทำให้คิดถึง i-mobile IQ-II เลย
• วัสดุดี สมเป็น xiaomi ปุ่ม back อยู่ทางซ้าย อันนี้ไม่ชอบเป็นการส่วนตัว
• ด้านหน้าไม่มีปุ่ม home ที่เป็น real button การจะเปิดเครื่อง ต้องสแกนนิ้วที่อยู่ด้านหลัง หรือกดปุ่มเปิดที่อยู่ด้านข้างเครื่องเท่านั้น
• ที่สแกนนิ้วอยู่ด้านหลัง ไม่เลวร้าย ตำแหน่งโอเค แปะนิ้วไปไม่เคยพลาดโดนเลนส์ ดีกว่า Galaxy S8 เยอะ
• รวมๆ แล้ว ถ้าไม่ได้ nokia มาก่อน ผมก็คงเอาตัวนี้เหมือนกัน

ถ้าใครมองหา pure android ผมก็เชียร์ตัวนี้แหล่ะ

Nokia 6 - 2

ได้ Nokia 6 เครื่องที่ 2 :P

มือถือลูกชายพัง อายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปี จอดับมืดไปเอง ไม่ทราบสาเหตุ (Galaxy J5 2015) มองหาตัวใหม่ให้ลูก ตั้งใจว่าจะรอ Xiaomi A1 แต่รอไม่ไหว บวกกับ ราคาของ A1 ที่น่าจะสูงกว่า Nokia 6 ถึง 5000 ได้ ก็เลย ได้กด Nokia 6 ไปอีกตัว :P

ตอนนี้รอดูว่า Xiaomi A1 กล้องจะห่วยมั้ย เหมือนว่าจะเป็น Signature ของมือถือ PureAndroid นะ

Reduce coffee

หยุดกาแฟไปได้เดือนกว่าๆ ช่วงนี้กระเพาะดีขึ้น ก็เริ่มจะกลับมากินอีกละ เหมือนว่าร่างกาย (น่าจะสมองเสียมากกว่า) เสพติดของหวานในช่วงบ่ายๆ คือ หลังเที่ยง บรรยากาศเนือยๆ งานน่าเบื่อ การได้อะไรหวานๆ หอมๆ มันช่วยได้มาก และคาเฟอีนมันก็ช่วยให้กระปรี้กระเปร่าดี (ไม่รู้คิดไปเองป่าว) แต่ด้วยปัญหาของร่างกาย ทั้งกระเพาะ และน้ำหนักตัว คิดว่า ต้องระงับของจำพวกกาแฟเย็นละ

เพราะมันประกอบไปด้วยคาเฟอีน ครีมเทียมข้นหวาน ครีมเทียม ซึ่งระยะยาวน่าจะอันตรายต่อหัวใจ วันนี้เลยคิดแผนใหม่ ว่าจะลองปรับเป็นพวกน้ำผลไม้ดู คือ มันก็ยังมีข้อเสียตรงน้ำตาลอยู่แหล่ะ แต่ลดครีมเทียม และครีมเทียมข้นหวานไปได้ (บางเมนูได้วิปครีมอีก) ก็น่าจะช่วยให้น้ำหนักไม่ขึ้นมากนัก (มีปัญหากับข้อเท้า และหลัง) เปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้ก็จะได้เรื่องของ แก้เบื่อ กับความหวานได้ ส่วนเรื่องง่วง แค่เดินเล่นซื้อน้ำหวานแก้เบื่อ ก็ช่วยให้หายง่วงได้เยอะละ

แต่ให้เปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มร้านคงไม่ได้นะ มันไม่สดชื่น

จตุรมาส

ด้วยเหตุหลายๆ ประการของการปรับปรุงงานในองค์กร ทำให้มีเหตุให้ต้องยุ่งกับเรื่องงบประมาณ และการวางแผนมากขึ้น (คนลดลง เลยต้องทำหลายหน้าที่มากขึ้น) เลยได้ยุ่งๆ อยู่กับคำว่าไตรมาสและ ควอเตอร์

ผมมีปัญหาุกครั้งที่ใช้คำนี้ คือ คำว่าไตรมาส ของปี มันควรจะแบ่ง 1ปี ออกเป็น 3 ช่วง ดังนั้น 1 ไตรมาสก็ควรจะมี 4 เดือน แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคำว่าไตรมาส เราแปลมันมาจากคำว่า Quarter ซึ่ง Quart มันฟังแล้วเมคเซนส์มากกว่า ที่จะแบ่งปีนึงออกเป็น 4 ช่วง เพราะมันคือ Quart

ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม ไตรมาส (ไตร=3) ถึงแปลมาจากคำภาษาอังกฤษว่า Quart (Quart=4) หรือผมสับสนหรือเข้าใจอะไรตกหล่นก็ไม่ทราบได้ แต่ก็สรุปได้ง่ายๆ ว่า อย่าไปเข้าใจมัน ให้จำง่ายๆ ว่า ไตรมาสก็คือ Quarter ซึ่งจะมีอยู่ 4 ใน 1 ปี

ปล.ผมนึกถึงคุโรมาตี้ ที่จตุรเทพ มี 5 คน ก็ นั่นแหล่ะ ทำไมถึงไตรมาส ทำไมไม่เป็น จตุรมาส

ปล2.ไปค้นมาละ Quart หมายถึงย่าน หรือช่วง ซึ่งหมายถึงช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ (ไม่ได้ระบุว่าจำนวนเท่าไหร่) ดังนั้น Quart ไม่ใช่ Quad ซึ่งคงเป็นเพราะสองคำนี้แหล่ะ ที่ทำให้ผมหงุดหงิดว่า ทำไมมันไม่ 4

กรดไหลย้อน อีกครั้ง

มีอาการกรดไหลย้อนกลับมาอีกครั้ง หลังจากหายไปได้ 5ปีกว่า จริงๆ ก็เป็นอะไรที่คาดเดาได้อยู่ได้ เพราะหลังจากอาการหายไปก็กลับมากินไร้สาระอีกเช่นเคย (ความสุขในชีวิตคนมันจะมีได้สักกี่อย่างกัน) รอบนี้ไปหาหมอ หมอบอกว่า จากอาการไม่ใช่กรดไหลย้อนล่ะ น่าจะเป็นโรคอื่นที่เกี่ยวกับกระเพาะหรือลำไส้
กลัวอยู่ แต่เชื่อได้เลยว่าเดี๋ยวพอคุมอาหาร อาการดีขึ้น ก็คงกลับไปกินแบบเดิมๆ อีกอยู่ดี แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้ละ ว่าไม่ได้เป็นกรดไหลย้อน เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ช่วงนี้ถ้าใครถามคงต้องตอบว่ากรดไหลย้อนไปก่อน
เจอค่าหมอบำรุงราษฎ์ไป สนุกกันไปเลยทีเดียว รอบหน้ากลับไป รพ. รัฐละ อย่างน้อยก็มีข้อมูลไปคุยต่อได้ละ ว่าไม่น่าใช้กรดไหลย้อน
คือ ไม่ใช่ว่า รพ. รัฐไม่เก่งนะ แต่คนไข้เยอะ เพราะฉะนั้นก็เป็นปกติที่เขาจะไม่ตรวจละเอียดแบบ รพ. เอกชนที่มันแพงๆ ผมคิดว่าโซลูชั่นในการรักษาแบบนี้ค่อนข้างตอบโจทย์ผมอยู่ คือไป รพ. แพงๆ ก่อน ให้เขาตรวจละเอียดๆ เท่าไหร่ก็ยอมจ่ายไป เอาให้ระบุโรคที่เป็นได้ชัดเจนก่อน ส่วนวิธีรักษา กระบวนการรักษา ก็ไปรักษาต่อเอาที่ รพ. รัฐ ได้

คงต้องบาลานซ์ให้ดี ระหว่างการหาความสุขเข้าชีวิต และการรักษาสุขภาพไปด้วยกัน

Nyan on the way

Nokia 6

ด้วยความที่งานเปลี่ยน หลายๆ อย่างเปลี่ยน การดึงดันใช้ชีวิตที่ไม่มีสมาร์ทโฟนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป (ทุกคนทำงานผ่าน LINE กันหมด) มีความจำเป็นที่จะต้องหามือถือสักเครื่อง

ด้วยความที่เคยใช้ Android one มา เหมือนว่าจะเป็นสิ่งเสพติด ผมไม่สามารถใช้ Android ปรุงแต่งได้ (คือ ถ้าปรุงไม่เพี้ยนมากก็พอได้อยู่อ่ะนะ) มองหามือถือในตลาดก็ไม่ไหว จะ pixel phone ก็แพงไป

ชั่วแวบนึง นึกไปถึง iPhone 6, iPhone SE กะว่า ถ้าเลือก Android ที่โดนใจไม่ได้ ก็จะลองไปสาย iOS บ้างละ

เหมือนโชคเข้าข้าง มีนัดคุยงานกับ MK ก็ได้แนะนำมาอีกตัวเลือกเป็น Nokia ไปจับครั้งเดียวไม่ต้องคิดต่อเลย มันคือ pure Android ที่มี แอป Nokia support กับ ringtone และภาพเปิดเครื่อง Nokia เพิ่มเข้ามาเท่านั้น นอกนั้นได้ประสพการณ์ pure Android ทั้งหมด ในราคาแสนถูก

คิดว่าคงเป็นสุขดีกับ Nokia ไปอีกพักใหญ่ๆ เลย รู้สึกเหมือนได้ Nexus ในราคา Galaxy J

ฝึกเด็กใช้เงิน

การฝึกเด็กใช้เงินเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าไม่ฝึกไว้ โตไปจะใช้เงินไม่เป็น

ตอนนี้ลูกคนโตใช้เงินเป็นแล้ว เพราะบังคับใช้ ATM ตั้งแต่เด็ก น่าจะ ป.5 ได้ จ่ายเป็นเดือน กดเอาเอง

ตอนนี้หายห่วงเรื่องการบริการจัดการ ใช้เป็น เก็บออมเป็น เหลือเรื่องการลงทุน ที่ยังไม่ได้ฝึก ว่าจะเปิดพอร์ทให้ก็ไม่ได้จัดการเสียที แต่ดูสไตล์แล้วอาจไม่เวิร์ค เพราะมีนิสัยชอบเก็บมากกว่าชอบเสี่ยง แต่ยังไงคงต้องสอนไว้ให้รู้

ที่เป็นปัญหาตอนนี้คือ คนเล็ก พยายามฝึกให้ใช้ ATM แต่ไม่รอด ด้วยความที่ภริยาไม่เป็นใจ ด้วยหลายๆ สาเหตุ

ตอนนี้ได้แผนใหม่ แลกแบงก์ 20ไว้ เยอะๆ แล้วเดี๋ยวฝึกจ่ายเงินเป็นรายสัปดาห์ก่อน