29/9/63

Strain

 ผม:เวลากูเบื่อหรือเครียด กูจะกินสเต็กเนื้อหว่ะ

ผม:ถ้าเป็นพวกมึง ปกติทำไรกันวะ

เพื่อน:กุไปเที่ยว ตจว กับครอบครัว

เพื่อน:ถ้ากุทะเลาะกับครอบครัว กุก็ไปเที่ยวคนเดียว เช่นวนเขาใหญ่ซักรอบนึง

ผม:เออ ดีกว่า

ผม:ดีหว่ะ

ผม:งั้น กูกินสเต๊กเนื้ออ่ะ ถูกจริตกูละ

ผม:มันดีนะ ที่มึงไม่ต้องเครียดจากครอบครัวเนี่ย

ผม:แต่เดิม กูไม่มีอะไรให้เครียดเลย ทั้งงาน ทั้งสังคม

ผม:มีแต่ที่บ้าน ที่ทำให้กูเครียด

ผม:แต่ไม่เป็นไร เพราะกูเรียนรู้ที่จะเติมความสุขให้ตัวเองได้ 😛

ผม:ไม่ว่าจะสุขแท้ สุขเทียม สุขจริง สุขปลอม เอาว่า ถ้ามันสุข กูก็เสพไว้ก่อน

8/9/63

A week with OnePlus

จากที่สั่ง OnePlus มาใช้ ลองมาได้เกือบสัปดาห์ พอลิสต์ออกมาเป็นความรู้สึกได้ประมาณนี้


  • จอใหญ่ไป ไม่สามารถใช้ด้วยมือเดียวได้ อาจเป็นเพราะใช้งานแบบ Swipe to back
  • WarpCharge ไวมาก
  • ในกล่องมีเคสกับฟิลม์มาแล้ว ดีเลย ไม่ต้องหา ฟิลม์ติดมาอยู่แล้วด้วย สบาย แต่มันหนืดๆ นิ้วหน่อย ต้องเปลี่ยน
  • เคสที่แถมมาดีมากเลย ตรงมุมหนาดี แต่ขอบหนาไป Swipe ไม่สะดวก
  • แอปมี Netflix ฝังมาด้วยอ่ะ มันไม่ได้อารมณ์ Pure android แต่ก็ไม่ได้คาดหวังมาก ขนาด Android One ยังฝังของมาเลย
  • มีฟีเจอร์ Swipe แบบ iOS มาด้วยอ่ะ
  • ด้วยความที่มันโม เลยไม่รู้ว่า มันต่างจาก Pure Android ยังไง แล้วต่อไปถ้าอยากซื้อ Pure Android ฟีเจอร์ไหนที่มันไม่มี
  • Google Search Bar ไม่ฝังอยู่ด้านล่างแล้ว แฮปปี้มาก
  • กล้องหน้าที่เจาะรู รู้สึกรำคาญตามาก
  • แบตอึด อยู่ได้จบวันสบายๆ
  • มี Hard switch ตั้งปิดเสียง กับสั่นได้ แบบเดียวกับ iPhone เป็นอะไรที่ชอบมาก
  • สวิตซ์ปิดเสียง ดันอยู่คนละฝั่งกับปุ่มปรับระดับเสียง
  • ปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ด้านซ้าย ไม่ถนัดมากๆ
  • ไม่มีรูเสียบหูฟัง ก็ใช้บลูทูธได้แหล่ะ ก็เริ่มชินอยู่
  • โหมดปรับแสงจออัตโนมัติ โอเคมาก ปรับสมูท นุ่ม ได้ระดับแสงตามต้องการ
  • Multi user ใช้ Swipe ไม่ได้อ่ะ เซ็ง
  • กลิ่นเหมือน Cyanogen มากๆ
  • รู้สึกว่า มันโอเคทั้งตัวเครื่อง ทั้งโอเอสเลย รอบหน้า OnePlus อีกก็น่าจะดี


อื่นๆ ยังไม่ได้ลอง

  • Google assistance แต่เดาว่า ไม่น่าจะต่างจาก Android ปกติ
  • Face unlock


ความคุ้มค่า

ผมเป็นคนที่ชอบคิดเรื่องความคุ้มค่า โดยปกติแล้ว มือถือผมจะใช้อยู่ที่ประมาณ 2ปี เครื่องนี้รวมๆ แล้ว ประมาณ 18,000 บาท ถ้าใช้สองปี ก็จะอยู่ที่วันละ 25บาท ซึ่ง ก็โอเคนะ แพงไปนิดนึงสำหรับการใช้งานมือถือที่วันละ 25บาท แต่ก็โอเคแหล่ะ ซึ่งก็ต้องไปคิดอีกที ว่าครบ 2ปี แล้ว มูลค่าจะเหลือเท่าไหร่ ก็ค่อยไปหักลบเอาอีกที

1/9/63

OnePlus NORD

 ได้มือถือใหม่มาเรียบร้อย เป็น OnePlus NORD เป็นมือถือตลาดกลางจาก OnePlus

ปกติจะไม่เป็นคนใช้งานมือถือราคานี้อยู่แล้ว (17k) แต่รอบนี้คือ เล็งไว้แล้ว ว่าจะลอง Google Pixel ก็เลยเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ว่าจะใช้มือถือราคานี้

มาดูที่มาที่ไปก่อน เรื่องคือ Mi A2 Lite ที่ใช้งานอยู่มันไม่ไหวมากๆ ละ ลุกแอปใช้เวอร์ชั่น Lite ทั้งหมด มันก็ยังอืด (สืบเนื่องมาจาก อัปเป็น Android 10) ก็เลยเป็นอันว่าจะเปลี่ยน

มือถือที่เล็ง

ตอนแรก ตั้งเป้าเลยคือ Mi A4 แต่มันเงียบมากๆ ดูไม่มีข่าวเลย ก็เลยขยับไปมอง Pixel ซึ่งตอนที่ดูนั้น มันใกล้ช่วงที่จะออก Pixel ตัวใหม่ละ ที่มีขายอยู่ก็เป็น Pixel4 ที่ล่าสุด ก็มีข่าวว่าจะออก Pixel4a ตอนปลาย ส.ค. และ Pixel5 ตอน ต.ค. ก็ตั้งเป้ารอไว้เลย จน Pixel4a เปิดตัว

พอ Pixel4a เปิดตัว ก็ตามหาที่ซื้อเรื่อยมา ว่าจะซื้อที่ไหนได้ จนตามไปตามมา ดันมาเจอข่าว OnePlus ขึ้นมาพอดี แล้วเขาก็วางขายแล้ว เลยเป็นอันว่า ขยับมา OnePlus ละกัน

สาเหตุ OnePlus ใช้ OxygenOS ซึ่งมันก็อารมณ์ประมาณ Cyanogen ซึ่ง ก็ประมาณว่าเป็น Ubuntu นะ เราต่อยอดมาจาก Debian อีกที คือ ถึงแม้มันจะไม่ Vanilla แต่มันก็ใกล้เคียงต้นฉบับมากๆ แล้วก็ ราคาของ OnePlus NORD ก็แพงกว่า Pixel4a ขึ้นมาหน่อย ซึ่งถ้าได้ราคาหิ้วของ Pixel4a แล้วคงไม่ต่างมาก อีกทั้ง Google ไม่มีศูนย์ แต่ OnePlus มี แล้วสเป๊กของ OnePlus NORD ก็เหนือกว่าด้วย

เลยเป็นอันว่า มาจบที่ OnePlus ง่ายๆ นี่ล่ะ เล็ง Pixel อยู่ตั้งนาน

Why to why not

 วันก่อนอ่านเจอ Quote เด็ดๆ จากเพจ "มิตรสหายท่านหนึ่ง"


พูดถึงเรื่องม๊อบเยาวชนปลดแอก เกี่ยวกับเรื่องรูปแบบม๊อบ ว่า มันเปลี่ยนไปแล้ว มีการเอาแฮมทาโร่ แฮรี่พอตเตอร์มาเล่น ซึ่งเราจะไม่มีวันได้เห็นจากคนรุ่นเก่า


อันเนื่องมาจาก เด็กรุ่นนี้ จะทำโดยไอเดียของเขา โดยมีฐานคิดที่ว่า แล้วทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะ (Why not)

ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านทางความคิดมาก สมัยก่อนเวลาที่เราจะทำอะไรที่แตกต่างจากที่คนรุ่นก่อนทำกัน เราจะโดนเบรคด้วยความคิดที่ว่า จะเปลี่ยนทำไม (Why) แบบเก่าไม่ดีตรงไหน ทำไมต้องแหวกแนว อยากเท่เหรอ อย่างเด่นหรือไง อย่างเป็นจุดสนใจใช่มั้ย

แล้วพอเรากลัวที่จะต่าง เราก็จะทำตามๆ กันไป แล้วใครแตกต่าง เราก็แค่ผสมโรงด่าไปด้วย เราก็จะเป็นคนกลุ่มใหญ่ของสังคมได้แล้ว ซึ่งเราจะปลอดภัย

ก็คงบอกไม่ได้ว่าแบบไหนดี แต่ผมชอบการถามว่า Why not มากกว่า มันทำให้เรามีชีวิตที่อิสระ

ทำไมเราจะใส่เสื้อยืดมาทำงานไม่ได้ล่ะ ทำไมเราจะใส่ถุงเท้าสีๆ ไม่ได้ล่ะ

เราไม่จำเป็นต้องทำตามกัน เพราะกลัวว่าจะแตกต่างแล้ว ยุคต่อไปของเด็กรุ่นนี้จะเป็นยุคของอิสระภาพแล้ว