30/9/62

Prevention

อย่างที่เห็นว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นกับชีวิตผม ครอบครัวผม ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของครอบครัว ทุกคนในบ้านได้รับบทเรียนจากเหตุการครั้งนี้ เมื่อเรื่องเกิดไปแล้ว มันก็เกิดไปแล้ว บทเรียนเป็นสิ่งมีค่า จดเก็บไว้ เผื่อเป็นแนวทางให้คู่อื่นๆ ได้เรียนรู้

เราทุกคนล้วนมีสิ่งที่ต้องการในชีวิต เพศชายและหญิงมีความต้องการที่แตกต่างกัน ผมเหมือนผู้ชายปกติ อยากได้รับความไว้วางใจ อยากรู้สึกภาคภูมิใจ อยากรู้สึกเป็นผู้นำ อยากได้รับเกียรติ การให้อภัย คำขอบคุณ คำขอโทษ เชื่อได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้ผู้ชายทุกคนต้องการเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่

แน่นอนว่าเมียผมก็มีสิ่งที่เขาต้องการ และผมก็พยายามที่สุดที่จะให้เท่าที่ผมจะให้ได้ ซึ่งมันสุดแล้วจริงๆ แต่มันก็ยังไม่พอ เพราะเธอก็จะเห็นว่าคนอื่นๆ ดีกว่าผมเสมอ ถ้าจัดอันดับผู้ชายที่ดี ผมคงได้ที่โหล่

สิ่งสำคัญคือ กับคู่ชีวิต เราต้องคุยกัน ต้องบอกกัน ต้องรับฟังกัน และต้องปรับตัวเข้าหากัน เรื่องเกิดเพราะเมียผมเป็นคนไม่ฟัง หรือถ้าจะบอกว่าฟัง มันก็ไม่ใช่ มันคือได้ยินมากกว่า สำคัญมากๆ ต้องรับฟัง พยายามเข้าใจ พยายามปรับเข้าหากัน

ทุกครั้งที่ผมพยายามพูด พยายามบอก พยายามขอ สิ่งที่ผมได้รับคือ "ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็เลิก" คิดว่าผู้หญิงส่วนหนึ่งคงมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน คือ "ฉันให้เธอเยอะแล้ว ทำไมฉันต้องให้อะไรเธออีก" อารมณ์ประมาณว่า "ฉันยอมเป็นเมียเธอนี่มันก็มากแล้วนะ ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อเธอแล้ว ฉันยอมเป็นเมียเธอแล้ว เธอน่ะต้องทำเพื่อฉัน" อะไรประมาณนี้

เมื่อเธอไม่ฟัง ไม่ปรับ สิ่งที่ผมอยากได้เธอไม่มีให้ ช่องว่างจึงเกิด เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ผมก็ต้องอยู่อย่างอดทน ทนต่อสิ่งที่เธอเป็น ทนต่อสิ่งที่เธอไม่มีให้ เมื่ออยู่อย่างทนๆ พอมีใครสักคนเข้ามาเติมช่องว่างตรงนี้ ใครสักคนที่จะทำให้ผมรู้สึกมีค่า รู้สึกได้ภาคภูมิใจในสิ่งที่ผมเป็น ผมจึงรับเขาเข้ามาในชีวิตโดยไม่ลังเล

เพราะงั้น สิ่งที่จะป้องกันได้ดีที่สุด ก็คือการรับฟังกัน และเข้าใจกัน

ที่ผ่านมาเมียผมใช้วิธีป้องกันด้วยกันระแวง ระวัง จับผิด ซึ่งมันก็เข้าใจได้นะ คือ พยายามปิดช่อง เพื่อไม่ให้มันมีโอกาสที่จะเกิดเรื่อง แต่วิธีแบบนั้นมันผิด เพราะการระแวง การจับผิดนั่นแหล่ะ ที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกสูญเสียคุณค่า รู้สึกไร้ค่า รู้สึกเป็นคนผิดตั้งแต่ยังไม่ทำความผิด และก็เพราะสิ่งนี้ด้วยแหล่ะ ที่จะเป็นแรงผลักให้ต้องไปหาความสบายใจที่อื่น

ผมพยายามบอกเมียว่า ถ้ามีเด็กคนนึง เป็นเด็กธรรมดานี่แหล่ะ แล้วเราไปกรอกหูมันทุกวัน ว่า "มึงมันไอ้เด็กติดยา" เชื่อเถอะว่า สุดท้ายเด็กคนนั้นจะติดยาจริงๆ แต่เธอไม่เข้าใจหรอก เพราะเธอเป็นของเธอแบบนั้นนั่นแหล่ะ

ชีวิตคู่นั้น การอยู่ร่วมกันไม่ยาก สิ่งที่ยากคือ การที่จะรู้ว่าจะอยู่ร่วมกันยังไง

ไม่รู้ว่าชีวิตครอบครัวผมจะผ่านไปยังไง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เราได้รับบทเรียนที่มีคุณค่าอันนี้ร่วมกันแล้ว

Back home

กลับมาอยู่บ้านแล้ว หลังจากตัดสินใจเลือกหนทางชีวิตใหม่ ออกไปอยู่กับน้องแบบเต็มที่ได้ประมาณเดือนนึงเต็มๆ

ออกไปอยู่แล้วเป็นยังไง
ช่วงที่อยู่ด้วยกัน มันเป็นอะไรที่โอเคนะ ให้ห้องแคบๆ เล็กๆ ตู้เย็นคือแก้วเยติ ทีวีคือจอมือถือ การอยู่ด้วยกันกับคนที่เข้าใจกัน คล้ายๆ กัน อะไรๆ มันดูเรียบง่าย มันราบรื่น มันดูเป็นชีวิตคู่ที่เป็นไปได้

แล้วทำไมถึงจบแบบนี้
คำตอบว่าทำไมถึงจบแบบนี้ มันช่างน่าตลกที่ มันคือคำตอบเดียวกับที่ว่า ทำไมมันถึงเกิดเรื่องนี้ สาเหตุคือ ผมพยายามไม่รักเมียผม ทำให้ผมเอาความสุขทุกอย่างไปไว้ที่ลูก ลูกคือความสุขทั้งหมดที่ชีวิตผมมี ดังนั้นเมื่อผมหายออกไป มันเหมือนว่าผมขาดการได้อยู่กับลูก การได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูก มันเป็นความรู้สึกที่เสพติด แม้ว่าการได้ออกไปอยู่กับน้องข้างนอก ผมจะยังได้เจอลูกทุกวัน (น้องก็ดีมาก ไม่ปิดกั้นที่จะให้ผมได้เจอลูก) แต่เหมือนว่าได้เจอแค่ไหนมันก็ยังไม่พอ มันไม่ใช่แค่การดูแล แต่มันต้องการมีกิจกรรม มีปฏิสัมพันธ์

การขาดกิจกรรมร่วมกันกับลูกในช่วง 1 เดือนเต็มๆ มันทำให้ผมเครียดมากๆ เป็นครั้งแรกที่ผมเครียดจนปวดขมับ ปวดต้นคอ (ตอนแรกนึกว่าขาแว่นหนีบ แต่มันไม่ใช่) ไม่เคยเครียดขนาดนี้มาก่อน

คงไม่ดีที่จะพูดว่าผมจบกับน้องยังไง หรือจะบอกว่าจบแล้วหรือเปล่า ตอนนี้ก็คงยังพูดไม่ได้เต็มปากนัก แต่การที่ผมทิ้งน้องมาแบบนี้ เธอคงไม่ให้โอกาสผมกลับไปแล้วล่ะ แล้วถึงผมจะกลับไป ผมก็คงอยู่ไม่ได้ เพราะมันเสพติดการอยู่กับลูกมากกว่า

ก่อนนี้ผมคิดจริงๆ ว่า ผมคงทนได้ ได้เจอกับลูกเป็นบางครั้ง แล้วก็มีชีวิตใหม่ไป ยอมทนไปสักไม่กี่ปี เดี๋ยวลูกโต ชีวิตก็เข้าที่เอง แต่พอผ่านไปได้ 1 เดือน ผมรู้ตัวเองว่า ผมทนแบบนี้ปีละ 12 ครั้ง ต่อเนื่องไปหลายปีไม่ได้ เคยคิดว่าจะชินกับการไม่ได้เจอลูก แต่มันไม่ได้เลย

มันจะเป็นไปได้ ถ้า
ไม่รู้ว่าคือโชคดีหรือโชคร้าย ผมติดลูกมากๆ ทำให้ผมไปกับน้องได้ไม่สุดตัว ผมถูกความเคยชินดึงกลับมา ไม่งั้นแล้วผมจะอยู่กับน้องยาวได้เลยล่ะ ถ้าผมเป็นคนบ้างาน หรือเป็นพวกติดเพื่อน คือ ถ้าไม่ใช่ว่าติดลูก ติดครอบครัว ผมคงมีชิวิตใหม่ไปแล้ว

ก็เป็นอันว่ากลับมาอยู่บ้าน เจ็บปวด ทนกับชิวิตเดิมๆ ต่อไป เพราะเราไม่สามารถตัดได้ ก็ต้องขอบคุณเมีย ที่พยายามปรับปรุงตัวมากๆ วิกฤติเกิดขึ้นกับชีวิตคู่แล้ว ต่อให้ผมตัดน้องเขาออกจากชีวิตได้ ก็ไม่แน่ว่าครอบครัวจะกลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย ก็คงต้องให้เป็นเรื่องของอนาคตไป