30/7/56

Macau - Hong Kong (Preparing)

ทริปนี้เป็นทริปประหยัดภาคบังคับ จริงๆ ผมก็ประหยัดโดยปกติอยู่แล้วแต่ทริปนี้ถูกบังคับให้ประหยัดกว่าเดิม เนื่องจากตอนที่จองตั๋วนั้น เป็นช่วงที่เพิ่งออกรถใหม่ตามโปรล่อของ รบ. ซึ่งตอนนั้นก็มีตังค์อยู่เนื่องจากผมสำรองไว้จ่ายค่ารถ เลยซื้อตั๋วได้ชิวๆ แต่หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีมรสุมรายจ่ายของที่บ้าน หนี้บัตรเครดิตที่แม่ถืออยู่ถูกภริผมเจอเขา (แม่ผมกะจะจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ แต่ภริผมไม่ยอม ซึ่งมันก็ไม่เข้าเท่าอยู่แล้ว จ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ ดอกบานเป็นใบพัดคอปเตอร์พอดี) ผมเลยต้องเอาเงินที่สำรองไว้จ่ายไป เลยเป็นอันว่าจนเลย กอปรกับ ช่วงที่ใกล้เดินทางนั้น โดนค่าเทอมเด็กๆ เกือบ 30k แล้วก็ ประกันรถ (ซึ่งดันทะลึ่งทำชั้น 1 อีก ตอนทำก็ไม่ได้คิด) อีก 30k นิดๆ เลยเหลือตังค์ติดกระเป๋านิดเดียวสำหรับทริปนี้

เข้าเรื่อง

ทริปมาเก๊า-ฮ่องกง 2013 (ขอแยกเขียนเป็นหลายบล๊อกไปนะครับ เขียนรอบเดียวไม่ไหว เริ่มที่ ภาคเตรียมตัวก่อน) สืบเนื่องจากได้ตั๋ว ดอนเมือง-มาเก๊า-ดอนเมือง จากโปรของ AirAsia เมื่อปีที่แล้ว (จองไปเมื่อกันยา 2012) เดินทางเมื่อช่วงหยุดยาวที่ผ่านมา (21-24 ลางานวันนึง) ได้ตั๋วมาแบบมึนๆ เพราะนั่งไล่ดูช่วงโปรของ AirAsia เจอมาเก๊าที่ราคาพอรับได้ ก็กดจองไปวันที่ 20-23 แต่พอถึงตอนจ่ายตังค์มันบอกว่าเต็มแล้ว :P เลยต้องขยับมาอีกวัน ซึ่งตั้งใจว่าจะลองกดขาไปมาเก๊า แล้วขากลับที่ฮ่องกง แต่ไม่กล้าละ ขืนช้ากว่านี้เดี๋ยวจะอดอีก เลยชิงจ่ายไปซะเลย

ได้ตั๋วมาที่ 16,000 สำหรับ 4 คน จริงๆ แล้วอยากได้ที่ถูกกว่านี้ แต่เมื่อมันได้เท่านี้ และผมมองว่า เฉลี่ยค่าตั๋วไปกลับที่ 4,000 บาท/คน มันก็ถือว่าโอเคอยู่ ก็เลยเป็นอันว่าจ่ายไป หลังจากที่จ่ายค่าตั๋วไปแล้ว ก็ได้เวลาหาข้อมูลว่า จะยังไงกับไอ้มาเก๊า 4 วันนี้ดี เป็น 4 วัน แบบเกือบจะเต็มวัน เพราะขาไปลงเครื่องที่ 10.30 น. ส่วนขากลับ ออกจากสนามบินที่ 21.50 น. ตามเวลามาเก๊า GMT+8

กลับมาที่หาข้อมูลว่าจะยังไงกับมาเก๊าที่ 4 วันดี ผมลองไล่ดูที่เที่ยวแล้ว พบว่า มาเก๊านั้น แม้จะ 3 วัน มันก็ยังมากไป เพราะเมืองมันไม่ได้มีอะไรให้ทำมากนักนอกจากเดินเล่นเซนาโด้สแควร์กับเล่นการพนัน จึงต้องปรับแผนเป็น พ่วงฮ่องกงเข้าไปด้วย หลังจากหาข้อมูลการนั่งเรือข้ามฟากเรียบร้อยแล้ว (ว่า ค่าเรือเป็นที่ยอมรับได้ ราคาประเมินอยู่ที่ 600บาท/คน/เที่ยว ดังนั้นไม่น่าเกิน 4800 แน่นอน สำหรับค่าเรือ ไป/กลับ 4 คน) พอได้ค่าเรือโดยประมาณแล้ว ก็เลือกละว่าจะนอนที่ฮ่องกงกี่คืน มาเก๊ากี่คืน อันนี้ตัดสินใจไม่ยาก ผมเลือกฮ่องกง 2 คืน มาเก๊า 1 คืน เหตุผลคือ มาเก๊าไม่มีไรให้ทำมากนัก ดังนั้นนอนคืนเดียวพอ แล้วก็เลือกนอนคืนสุดท้าย เพราะจะได้เป็นการบังคับตัวเองให้นั่งเรือกลับในวันที่ 3 ของการเดินทาง เผื่อมีอะไรผิดพลาดเราจะยังมีวันที่ 4 ไว้แก้สถานการณ์อีกวัน

ที่พัก

เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะนอนที่ไหนวันไหนบ้าง ก็ค้นหาโรงแรมครับ เงื่อนไขของผมมีแค่ 2 ข้อ 1)ใกล้แหล่งท่องเที่ยว หรือรถไฟฟ้า เพื่อที่เวลาเที่ยวจนดึกจะได้ยังคงกลับได้อยู่ 2)ถูก ยิ่งไม่มีข้าวเช้าให้ยิ่งดี ก็สรุปไปได้ของ City trip HK สำหรับฮ่องกง และ OLE London สำหรับมาเก๊า ซึ่งก็ตอบโจทย์ผมทั้ง 2ที่
  • City trip HK เป็นอะไรที่นรกมาก (สำหรับการหาข้อมูลนะ) เนื่องจากมันเป็นคำพื้นๆ พอเสริชไปมาก็เจอแต่ข้อมูลอื่น ส่วนไอ้ข้อมูลที่เป็นข้อมูลจริง ก็เป็นข้อมูลของเว็บจองโรงแรม ซึ่งภาพโฆษณามันไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือก เนื่องจากราคา และรีวิวของผู้ที่เคยใช้บริการที่เขียนแนะนำไว้ในเว็บอโกด้าเอง สนนราคาที่ 5432.10บาท สำหรับห้อง 4คน ระยะเวลา 2คืน
  • OLE London อันนี้ค่อนข้างโอเค ทั้งทำเล ห้องพัก และราคา ข้อมูลก็พอหาได้บ้าง สนนราคาที่ 4027.10บาท สำหรับห้องขนาด 3คน ระยะเวลา 1คืน

ทริป

การเตรียมทริปนี่ ถ้าเรารู้ว่าโจทย์คืออะไรจะง่ายในการวางแผนมาก อย่างกรณีของผม สิ่งที่ต้องการเวลาไปเที่ยวที่ต่างๆ คือ ได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นั้น ได้เดิน (ยิ่งมากยิ่งดี) ได้ไปตามย่านต่างๆ ที่ชนชั้นกลางใช้ชีวิตและทำกัน ได้กินในสิ่งที่คนที่นั่นเขากินกัน ซึ่งพอรู้โจทย์แล้วก็จะนำมาสู่การวางแผนได้

การเตรียมตัวในส่วนของทริปก็ไม่มีอะไร แค่มาร์กใน Gmap ไว้ ว่าจะไปไหนบ้าง ซึ่งอันนี้เสริชหาได้ไม่ยากอยู่แล้ว ฝั่งฮ่องกงก็วางแผนไปตามงบประมาณและเวลา ผมตัดนอนปิง และดิสนี่แลนด์ออกไป เนื่องจากไม่ได้เป็นที่สนใจอยู่แล้ว (ที่สำคัญตังค์บ่มี) พอได้ตำแหน่งที่เราจะไป ก็จะวางโซนได้ว่าวันไหนไปไหน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดค่ารถได้อีก ส่วนวันไหนไปไหนบ้างจะมาลงรายละเอียดในรอบหน้าครับ

ดีล

เรื่องดีลหรือคูปองนี่เป็นอีกโจทย์เลย เว็บดีลเท่าที่หาข้อมูลก็มีที่น่าเชื่อถือและเป็นที่นิยมอยู่ 2เจ้าด้วยกัน คือ beecrazy และ groupon ก็สอยมา 4 อย่างด้วยกัน โดยวิธีคัดเลือกดีล (ของกินล้วน) คือ
  • ต้องสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการโทรของแล้วโต๊ะเต็ม ซึ่งเราจะไม่สามารถใช้งานในวันอื่นได้ 
  • อยู่ในระยะที่เดินทางได้ถึง 
  • ราคาที่ยอมรับได้ 
  • สามารถใช้ได้ในช่วงวันที่เราอาศัยอยู่ 
ดีลที่สอยมามี 4อย่างตามนี้
  • ร้านข้าว Over sea dragon เป็นอาหารเลือกเป็นอย่างๆ ไป สนนราคาที่ใบละ 20HKD ทานได้ 40HKD จัดไปเลย 4ใบ จ่ายไปที่ 330.73บาท 
  • แซนด์วิธ ชื่อร้าน HERO ใบละ 36HKD จากราคาเต็ม 57HKD อันนี้ราคาค่อนข้างสูง เลยเอามาแค่ 2ใบ จ่ายไปที่ 327.14บาท 
  • ร้าน One bowl shop เลือกระหว่างบะหมี่กับโจ๊ก เลยจัดมาอย่างละ 2ใบ 22HKD x 2 (จาก 42HKD) กับ 32HKD x 2 (จาก 52HKD) จ่ายไปที่ 452.26บาท 
  • ขนมพุดดิ้งในเปลือกไข่ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ เห็นว่าไหนๆ ก็ไปแล้ว ลองซะหน่อย ราคา 48HKD จาก 78HKD จ่ายไปที่197.18บาท 

การเตรียมตัวเรื่องอื่นๆ

  • ตั๋ว ผมเช็คอินผ่านหน้าเว็บไปเลย กันพลาด (โชคดีได้ริมหน้าต่างอีก) รอบก่อนไปเชียงใหม่ก็เกือบตกเครื่อง 
  • ป้ายแขวนคนของเด็ก ใส่ข้อมูลต่างๆ เช่น เลขพาสปอร์ต ข้อมูลที่พัก สถานฑูตไทย เบอร์ที่ไทย 
  • สำเนาพาสปอร์ต เผื่อตัวจริงสูญหาย น่าจะพอมีประโยชน์บ้าง 
  • ซิม ผมถอดออกเลย ป้องกันการโรมมิ่งดาต้า เดี๋ยวจะแพง แต่ก็พกไปด้วยเผื่อฉุกเฉินได้เอาไว้ใช้ 
  • แผนที่ของที่พัก และร้านค้าที่ต้องไปใช้บริการดีล ผมตั้ง Google map offline ในมือถือไป แต่ก็ปริ๊นท์ไปด้วย กันพลาด 
  • เงิน ผมให้ภริไปแลกไว้ ให้ไป 15k (แต่ไม่รู้แลกมาเท่าไหร่) พอรู้อยู่ว่ามันค่อนข้างน้อย แต่ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้กรอบจริงๆ อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้นอยู่ที่ 4.01 บาท / 1HKD 
  • ส่วนเรือข้ามฟากไม่ได้จองไปจากที่นี่ เนื่องจากมีเ้หตุจำเป็นที่ต้องไปซื้อที่ปลายทาง 

ค่าใช้จ่ายสำหรับภาคเตรียมตัว

สรุปค่าใช้จ่ายที่จ่ายไป ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดินทางอยู่ที่

  • ค่าเครื่อง 16,000 บาท
  • ที่พัก 3คืน 9459.20 บาท
  • ดีลของกิน 4อย่าง 1307.31บาท

รวมแล้ว 26766.51 บาท ถ้ารวมค่าเรือไปอีกที่ไม่เกิน 4,800บาท ตามที่ตั้งไว้ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท สำหรับ 4คน ในการเที่ยวมาเก๊าฮ่องกง 4วัน 3คืน ก็อยู่ที่คนละ 7,500 ซึ่งราคานี้ค่อนข้างโอเคสำหรับผม

เป็นอันว่าจบตอนเตรียมตัวครับ ไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าเรื่องการผจญภัยอีกที

9/7/56

Claustrophobia


ตามนั้นครับ ผมมีอาการกลัวที่แคบ มันเป็นโรคชนิดหนึ่ง เพิ่งมาเป็นเอาเมื่อสัก 5 ปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีอาการ

อาการที่เป็น

  • นั่งรถตู้ไม่ได้ ถ้านั่งต้องนั่งหน้า หรือแถวแรกหลังคนขับ
  • กลัวการขึ้นลิฟต์ ถ้าอยู่ในระยะที่เลือกได้ ผมจะเลือกใช้บันได
  • กลัวที่คนแน่น พวกถนนคนเดินแบบเบียดๆ นี่ใช่เลย
  • รถติดมากๆ ก็กลัว คือ รถติดแบบรถเยอะๆ แล้วไม่ขยับ อันนี้ออกมายืนนอกรถจะช่วยได้มาก
  • กลัวรถทัวร์ รถเมล แต่ถ้าได้มุมติดหน้าต่างอาการจะทุเลาลงมาก

อาการที่เป็นคือ มันจะกลัวเวลาตกอยู่ในสภาวะ หรือสถานการณ์ข้างต้น จะต้องพยายามหาทางหลีกหนีออกมาโดยเร็ว ที่แย่สุดๆ คือ เรารู้ว่าไอ้สิ่งที่เรากลัวนั้นมันงี่เง่าสิ้นดี แต่ก็ยังกลัวอยู่

ผมคิดว่าโรคอันนี้มันน่าจะมีสาเหตุที่เป็นต้นเหตุให้เกิดอาการนี้ขึ้นมาในตอนแรก แต่ผมก็ยังนึกไม่ออก

เท่าที่ค้นในเน็ต คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการหายใจไม่ค่อยออก แต่ของผมไม่มีปัญหาเรื่องการหายใจ แต่จะมีอาการหัวใจเต้นเร็ว และจะรู้สึกเหมือนว่า เราจะถูกขังอยู่ในที่นั้นๆ ตลอดไป

คิดว่าการรักษาคงต้องพบจิตแพทย์ก่อน หรือลองค้นคำแนะนำตามเน็ตก็น่าจะพอช่วยได้ ถึงโรคนี้มันจะไม่ทำร้ายหรือเป็นปัญหากับร่างกาย แต่มันก็ทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างลำบากพอควร

เพิ่มเติม ผมพบว่า การเล่น ingress ช่วยได้มาก เพราะว่าผมมัวแต่จดจ้องกับของที่อยู่ในจอมือถือ และกิจกรรมของเกม แต่พอเป็นการอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมอื่นๆ กลับไม่ได้ช่วยสักเท่าไหร่ อาจเพราะจดจ่อไม่พอ