5/8/56

Macau - Hong Kong First day

และแล้วจากที่รอมาเป็นแรมปี หลังจากวันที่จองตั๋วไป ก็ถึงวันที่เราจะได้เดินทางกันสักที ผมชอบและติดใจการเตรียมการเดินทางแบบข้ามปีอย่างนี้มาก เพราะมันจะสนุกและมีความสุขกับการได้รอคอย และก่อนจะถึงเวลานั้น เราก็จะไม่อยากไปเที่ยวไหนนัก เพราะมีทริปที่วางแผนรอไว้อยู่แล้ว ประมาณว่า ถ้าอยากไปเที่ยวไหนก็บอกกับตัวเองไปก่อนว่า อย่าเพิ่งไป มีทริปนั้นรออยู่ ได้กุศโลบายในการหลอกตัวเองเพื่อไม่ต้องใช้เงินได้อีก :P

ของที่เตรียมก่อนวันเดินทาง

สัมภารก เป้หนึ่ง กระเป๋าลากหนึ่ง กระเป๋าสะพายแบบหยิบของง่ายอีกหนึ่ง

รายการของที่ต้องเตรียม ผมทำเป็น Check-list ไว้

Boarding pass คราวนี้เช็คอินผ่านเว็บไว้ โชคดีได้ริมหน้าต่างไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

แผนที่พร้อมตำแหน่งสถานที่ต่างๆ เผื่อมือถือใช้ไม่ได้

คูปองต่างๆ ที่ซื้อไว้

อโกคดาอัพยาลาภา

Ingress map อันนี้พลาดไม่ได้ ไว้วางแผน
กลับมาที่การเดินทางต่อ เริ่มต้นที่ตื่น ผมมักจะกำหนดเวลาให้พอดีๆ เนื่องจากสนามบินอยู่ใกล้บ้าน (นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่จะได้ใช้บริการดอนเมืองหลังจากที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง) และการกำหนดเวลาแค่พอดีๆ นั้น มันทำให้ผมใกล้ตกเครื่องทุกครั้งไป ครั้งนี้ภริเลยไม่ยอมครับ ไม่อยากจะเสียวไส้แล้ว เลยไปกันแต่ไก่โห่เลย (ไก่ยังไม่ตื่นเลยด้วย) กำหนดการคือ ล้อหมุน 06.35 ดังนั้นเคานท์เตอร์เช็คอินปิด 05.55 แต่ต้องเผื่อเวลากรอกใบผ่าน ตม. และเข้าคิว บวกกับเผื่อเวลาหลงทางกับตามหาเกตอีก ผมประเมินคร่าวๆ ว่า ไปถึงสนามบินสัก 05.30 ตื่นสัก 04.15 แบบนี้น่าจะพอ แต่ตามที่บอกครับ ภริไม่ยอมพวกเราเลยต้องตื่นกันที่ 03.45 เพื่ออาบน้ำ และทานข้าวเช้า (ทานข้าวเช้าตอนตี 4) ต้องทานจริงๆ ครับ เพราะเครื่องออก 06.35 และผมจะไม่จ่ายค่าอาหารบนเครื่องบินที่แพงกว่ากินบนดิน 3 - 4 เท่าแน่ๆ (แต่ทริปก่อนก็โดนไปแล้วมื้อนึง) ซึ่งพวกเราก็กินกันไม่ค่อยลงครับ เพราะมันไม่ใช่เวลาอาหาร แต่ก็พยายามยัดไป



ถึงสนามบิน ไม่มีอะไรลำบากครับ อาคารในประเทศกับต่างประเทศอยู่ที่เดียวกันเลย ให้แม่ไปส่ง พอลงรถปุ๊บก็เดินทะลุไปตามปกติ ที่รู้สึกพิเศษมากคือ ไม่ต้องต่อแถวเช็คอินเนื่องจากเช็คมาแล้ว เดินผ่านไปเลย VIP สุดๆ ก็เข้าด่าน ตม. กรอกใบขาออกตามปกติ เสร็จก็ค่อยๆ เดินไปเกต


ตรวจสอบเที่ยวบินกับเกตให้เรียบร้อย

แวะถ่ายภาพ

ดูของเล็กน้อย

นักท่องเที่ยว เข้าคิวขอคืนภาษี แต่จริงๆ ในสนามบินเขาไม่เก็บอยู่แล้วหรือเปล่า

พี่แมค จริงๆ เขาชื่อโรนัลตะหาก

ร้านอาหารรายทาง

ไม่ได้แอ้มเงินฉันหรอก

คิดถึงทางเลื่อนที่สุวรรณภูมิ




มางานงอกเอาตรงนี้ครับ เกตร้าง ถูกแล้ว เล่นมาถึงกันตี4ครึ่ง เป็นอันว่าหง่าวครับ แต่ไม่เป็นปัญหากับผมอยู่แล้วครับ เมื่อเวลาเหลืออีกเยอะก็ นอนแม่งเลย ซึ่งคนที่มาเร็วเขาก็นอนกันนะ ไม่ได้แปลกอะไร เก้าอี้ก็เหมาะแก่การนอนมาก คือ มันไม่มีที่ท้าวแขน นอนยาวๆ ไปได้เลย สบายมาก รู้สึกตัวอีกทีก็สว่างครับ พักนึงก็ขึ้นเครื่องเลย ขึ้นเครื่องสักพักยังนอนได้อีก ชิวไป


ร้างคับ ตี 5 ได้มั้ง

เช็คป้ายเกตอีกรอบ ถูกต้อง

ระหว่างรอ

มีลานของเล่นเล็กๆ ให้เด็กๆ ได้ลุ้นหัวแตกกันด้วย

เป็นบริการของนกแอร์ (มาให้บริการฝั่งผู้โดยสารนอกประเทศด้วย)

ซนเป็นลิงเลย

เครื่องต่องวงช้างแล้ว แต่อันนี้ของเกตอื่น

หมามองเครื่องบิน

ถ่ายคู่นึดนึง

ไฟนอลคอล คราวนี้เรามาถึงก่อนครับ มีพัฒนาการนะนี่

นั่งกันเรียบร้อย

งงๆ ว่า รอบนี้เอาของเหลวขึ้นเครื่องได้
เจอความกดอากาศเข้าไป ขวดบี้เลย

เพื่อนร่วมทางพกมาชิตะมากินด้วย คงเอาไว้กินเวลาอยู่ในบ่อน :P


ถึงที่หมาย

ที่หมายของเราคือ สนามบินมาเก๊าครับ สนามบินมาเก๊ามันชิวมาก ไม่ค่อยมีคน โล่งๆ เล็กๆ เห็นแล้วนึกถึงสนามบินขอนแก่นเลย พอลงเครื่องก็รีบหาทางออกครับ เพราะต้องไปต่อเรือเพื่อข้ามไปฮ่องกง เนื่องจากวางแผนไว้ว่าคืนแรกนอนฮ่องกง ดังนั้นอย่าเพิ่งมาเสียเวลากับมาเก๊า รีบไปหาท่าเรือก่อน ผมเดินตามคนออกมาจนถึงด้านนอกสนามบิน งงครับว่าจะไปท่าเรือยังไง คือหาข้อมูลมาแล้ว ตั้งใจว่าจะเดินไป แต่ตอนนี้ยังหลงทิศอยู่ แต่ไม่มีปัญหาครับ ควักมือถือขึ้นมา เราตั้ง Map Offline เตรียมไว้แล้ว พอเปิดปุ๊บ Map มาเลยครับ แต่พิกัดไม่มา เฮ้ย ไรวะ ต้องการพิกัด GPS ต้องเปิด Data ด้วยรึ พอมือถือใช้ไม่ได้ก็ต้องถามละครับ ผมก็ควักแผนที่ที่ปริ๊นท์มาเดินไล่ถาม พอถาม ไม่มีใครตอบครับ ตอนนี้คำเตือนของ @anoochit ลอยมาเลยครับ “การเที่ยวประเทศที่มันไม่พูดอังกฤษนั้นมันนรกมาก” คราวนี้เลยต้องถามเจ้าหน้าที่ครับ ถามอยู่จนถึงคนที่ 3 หรือ 4 นี่ละครับ ถึงจะมีคนยอมพูดกับผม พอได้ทิศทางที่จะไปท่าเรือ ก็เดินไปเลยครับ

เดินมาท่าเรือก็หลงๆ อยู่ที่ทางเดินพักใหญ่ กว่าจะถึงโซนที่ขายตั๋ว คือ ทางเดินจากสนามบินมาท่าเรือมันไม่มีคนเลยครับ วังเวงมาก ถ้าเป็นตอนดึกต้องมีซอมบี้โผล่มาแน่

พอมาถึงท่าเรือก็ซื้อตั๋วเลยครับ ผมเดินหาช่องจำหน่ายตั๋ว Cotai Jet เพราะมีโปรโมชั่นเดือนเกิดของภริ คือเกิดในเดือนที่จะต้องเดินทาง (ต้องซื้อที่เคานท์เตอร์เท่านั้น เป็นที่มาว่าทำไมไม่ซื้อตั๋วตั้งแต่กรุงเทพ) ก็เป็นอันว่า ผมได้นั่งฟรีคนนึง (ผู้ติดตาม) เลยเท่ากับว่า ผู้ใหญ่ 1 แถม 1 แล้วก็ตั๋วเด็กอีก 2 (โปรนี้จะต้องซื้อแบบไป/กลับ ดังนั้นถ้าจองตั๋วกลับที่ฮ่องกงในตอนแรกก็ไม่ได้สิทธิ์นี้) สรุปราคาตั๋วออกมาที่ 4149.97 บาท จากที่ประเมินไว้ที่ 4,800 บาท ซึ่งก็โอเคอยู่

ลงเครื่อง

มีรถมารับตามปกติ

ออกจากสนามบินก็รีบเดินไปท่าเรือ

ทางเดินครับ ด้านหน้าเป็นคนมาเที่ยวชาวมาเล เขาก็หลงๆ เหมือนเราครับ แต่เขาอ่านป้ายภาษาจีนได้

ผ่านจุดซื้อตั๋วกับ ตม.มาแล้ว อันนี้เดินไปขึ้นเรือ

เรือครับ

เป็นแอร์ด้วย

ค่าเรือ

ตั๋วเรือครับ ได้มาทั้งขาไป ขากลับ

ลาก่อนมาเก๊า อีก 3 วัน เจอกัน


ตอนซื้อตั๋วนี่นรกมาก เจ๊ที่ขายตั๋วพูดอังกฤษไม่ชัด ซึ่งก็ไม่แปล ไม่ใช่เจ้าของภาษานี่หว่า เราเองก็พูดไม่ชัด แต่พอเราฟังไม่รู้เรื่อง แทนที่แกจะอธิบายใหม่ เปลี่ยนสำเนียงหรืออื่นๆ แกเสือกโกรธครับ คือไม่รู้จะโกรธเอาอะไร คือ พูดแล้วไม่เข้าใจ แก้ไขด้วยการพูดแบบเดิมแล้วเพิ่มความโกรธเข้าไป มันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นไม่ทราบครับ (และตลอดทริปผมก็เจออะไรแบบนี้เรื่อยๆ เลย นรกมาก) เรื่องที่คุยกันไม่รู้เรื่องสุดคือ แกถามผมว่า จะกลับวันไหน เขาถามว่า “What day you back” ผมตอบไปว่า “Tuesday” (ขึ้นเรือวันอาทิตย์) แกก็ถามผมแบบเดิมอีก ซึ่งแน่นอน ผมตอบแบบเดิม วนอยู่ 3 - 4 เที่ยว จนแกหยิบปฏิทินขึ้นมาให้ชี้ ทำให้ผมเข้าใจได้ว่า ผมผิดเองที่ตอบชื่อวัน แทนที่จะตอบเป็นตัวเลขวันที่ แต่ก็อย่างที่บอก คนไม่เข้าใจ อธิบายแบบเดิมมันก็ได้คำตอบแบบเดิม ยิ่งใส่ความโกรธเข้าไปก็มีแต่จะแย่ลง

เมื่อได้ตั๋วเรือก็ได้เวลาวิ่งครับ เพราะใกล้เวลาที่เรือจะออกแล้ว จากที่ซื้อตั๋วเรือ เดินผ่าน ตม. แล้ววิ่งอีกพักนึงก็เจอเรือแล้วครับ

ขึ้นเรือแป๊บนึงเรือก็ออกครับ นั่งให้หายเมื่อยได้สักพักก็เริ่มเดินครับ เริ่มจากย้ายที่นั่งก่อน ได้ที่นั่งกลาง เพราะเป็นที่นั่ง 4คน ก็ย้ายครับ หาริมหน้าต่างนั่ง นั่งได้สักพักเริ่มอยากสำรวจครับ ควงกับพอดีออกไปซนในบริเวณเรือ เดินไปสักพักเห็นกระดาษเสียบอยู่ อ้าวใบผ่าน ตม. นี่หว่า เลยต้องรีบเอามากรอกอีกครับ กรอกกันแทบอ๊วกล่ะ เรือโคลงเคลงอีกด้วย

มาถึงท่าเรือแล้ว ท่าเรือฝั่งฮ่องกงจะมีสองท่าด้วยกันคือ ฝั่งเกาลูน และฝั่งฮ่องกง ผมนั่งมาลงฝั่งฮ่องกง เพราะเรือของ Cotai จะไปลงฝั่งเกาลูนแค่วันละรอบเท่านั้น ซึ่งเวลามันไม่ได้กับที่ต้องการ พอลงเรือแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือ หาทางลงรถไฟใต้ดินเพื่อไปยังที่พัก การจะไปรถไฟใต้ดินนั้นไม่ยากครับ เพราะมันอยู่ใต้ตึกที่ลงเรือเลย เพียงแต่กว่าจะหาคำตอบจากคนแถวนั้นได้นี่แหล่ะ

พอได้คำตอบจากยาม หลังจากโดนปฏิเสธที่จะตอบคำถามจากหลายท่านแล้ว เราก็ต้องหาของกินกันครับ เพราะมื้อเช้ากินกันไม่ค่อยลง และนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ไม่รู้จะกินไรดี เลยซัด KFC ในห้างมันนั่นแหล่ะ

ลงเรือ

อาคารท่าเรือ

เดินไป ตม. อีกรอบ

มุมมองจากในอาคาร

อีกมุมนึง

มื้อเที่ยง

เจอราคาทำเอาผมอิ่มทิพย์ไปเลย
 ที่กินไปเป็นชุดไก่ 2 ชิ้น + โค้ก กับ 1 เครื่องเคียง จัดมา 2 ชุด ชุดละ 35.9 HKD (ประมาณนี้ถ้าจำไม่ผิด) เท่ากับว่ามื้อนี้หมดไปประมาณ สามร้อยกว่าบาท ทำเอาผมกังวลกับอาหารมื้อถัดๆ ไปกันเลยทีเดียว

ทานเสร็จก็ตามหารถไฟต่อครับ จริงๆ มันไม่ยากเลยถ้าเรารู้ทาง แต่มันยากตรงทำยังไงให้รู้นี่แหล่ะ :P ที่หมายถัดไปคือที่พัก แถวมงก๊กครับ

เดินลงใต้ดินไปสถานีรถไฟ

เจอแล้ว Sheung Wan Station
มีวางของขายกันข้างทางด้วย สืบราคาแล้ว แพง แต่เหมือนว่าที่นี่ต้องต่อราคาสัก 50% ถึงเป็นราคาจริง (คงเป็นบางอย่าง)

ทางลงไปรถไฟใต้ดิน ไม่ลึกมาก พอๆ กับบ้านเรา บรรยากาศดูทะมึนๆ แต่ไม่อับ ไม่น่ากลัวครับ

ภายในรถไฟ สว่าง สะอาด

คนนั่งกันเงียบๆ เรียบร้อย หลายท่านบอก ฮ่องกงเป็นจีนผู้ดี จะไม่เหมือนแผ่นดินใหญ่

เปลี่ยนรถที่สถานี Central

อันนี้เป็นช่องลมในำรถไฟ คือลมมันแรง และเย็นมาก เหมือนเขาใช้ลมจากภายนอกเข้ามาช่วย

ขึ้นสถานี Mong Kok แล้วก็ตามหาที่พักครับ
โชคดีที่ผมส่องๆ ตำแหน่งของอาคารมาจาก Street view แล้ว เลยพอรู้ว่าทางเข้าหน้าตาเป็นไง ขึ้นมาถึงชั้นของที่พัก กว่าจะคุยกันรู้เรืองก็นานพอควร แต่เขาก็เตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อยละ ขอบคุณ Agoda

ห้องสำหรับ 4 คน เตียงละ 2 คน แคบๆ

มีหน้าต่างด้วย

อยู่ชั้น 18 มองอะไรไม่ได้มาก ไม่มีระเบียง หน้าต่างมีเหล็กดัดอีก

ผมว่า ผมคนเดียวก็เต็มเตียงละ

มีกาต้มน้ำให้ ส่วนปลั๊กไฟเป็น Universal ไว้แล้ว เลยสบายหน่อย

เก็บของเสร็จก็ออกเดินทางทันที

ทางเดินในอาคารที่พักแคบมาก

แผนการของวันนี้คือ เที่ยว Momg Kok และ Tsim sha tsui เพราะอยู่ฝั่งเกาลูนทั้งคู่ และเวลาก็เหลือแค่ช่วงครึ่งวันบ่ายด้วย


ไม่รู้ต่อคิวซื้ออะไรกัน

คนเยอะมาก

ร้านขายมือถือ ไม่ได้เข้าไปดู เพราะคิดว่าไม่ซื้อแน่ๆ ทั้งเครื่อง หรือซิม

กิจกรรมถนนคนเดิน

รู้สึกว่าตรงนี้จะเป็นเลดี้มาร์เก็ต

อีกมุม

ร้านข้างทางกับร้านแบรนด์แนมปนๆ กันเป็นปกติ

ห้องแถวด้านล่างตกแต่งสวยงาม ตึกด้านบนโทรมๆ เป็นแบบนี้แทบทั้งหมด

รอข้ามถนน

อันนี้เป็นชั้นใต้ดินของตึก มีขายของเล่น ถ้าไม่หาข้อมูลมาก่อนไม่ทีทางเจอ เพราะมันอยู่ในหลืบ

มีรถเมลแบบเล็ก

และแบบใหญ่

แต่เราเลือกเดิน

ภริผมแวะนานมากแต่ละร้าน เอาพระมาเดินจงกรมแข่งพระก็น่าจะชนะละ

เสร็จจากแยก Mong Kok ก็เดินย้อนกลับทางถนนคนเดินต่อ
เป้าหมายถัดไป ไปสำเร็จโทษดีลแรกที่ซื้อมาครับ จัดการใช้เป็นมือเย็นซะ จริงๆ ก็ยังไม่เย็นดีนัก แต่เที่ยงกินกันไม่อิ่มเท่าไหร่เลยจัดซะหน่อย ร้านค้าอยู่แถว Soy street เดินไปได้ สบายมาก

ตัว Coupon ที่ซื้อมาก็รายละเอียดตามที่ลงไว้ในตอนที่แล้ว คือ เป็นร้านชื่อ Over sea dragon เป็นอาหารเลือกเป็นอย่างๆ ไป จานละ 20HKD ทานได้ 40HKD ซื้อมาทั้งหมด 4ใบ จ่ายไปที่ 330.73บาท

พอเดินเข้ามาในร้านก็ยื่นคูปองให้พนักงานพร้อมกับบอกไปว่า มารีดีมคูปอง พนักงานก็เชิญนั่ง พร้อมกับเอาเมนูมาให้ แล้วก็อธิบายว่า จากคูปองที่ซื้อมาเราสามารถเลือกอะไรได้บ้าง
ภายในร้าน

อีกมุม

เมนู

ด้านหลัง

พอสั่งเรียบร้อยก็รออาหารมาเสริฟครับ ในชุดจะเป็นอาหารหนึ่งอย่างให้เลือก พร้อมกับเครื่องดื่ม 1แก้ว เลือกระหว่างชากับน้ำเต้าหู้ ผมค่อนข้างงงๆ ว่า มึงจะกินน้ำเต้าหูอะไรกันในร้านข้าววะ ปรากฏว่า พออยู่ๆ ไป พบว่า แทบทุกร้านมันมีน้ำเต้าหู้กันหมดเลยครับ แล้วเขาก็กินกัน เหมือนกับที่เรากินน้ำอัดลมนี่ละ ตามชุดที่ซื้อมา มีให้เลือกระหว่าน้ำเต้าหู้กับ ชาโอเหลียง ตอนแรกก็นึกว่าน้ำโอเลี้ยง พอสั่งมาปรากฏว่าไม่ใช่

น้ำเต้าหู้กันทั้งโต๊ะครับ มีผมเป็นชาโอเหลียงคนเดียว

รอ

ของผมมาก่อน เป็นบะหมี่เนื้อ ราคา 42 HKD

อันนี้ของภริครับ เป็นข้าวไก่ทอดไข่ดาว ราคา 38 HKD

อันนี้ของพอเพียง บะหมี่เกี๋ยว ราคา 33 HKD

อันนี้ของพอดีไม่รู้เรียกอะไร น้ำคล้ายๆ กระเพาะปลา มีเส้น กับหอยนางรม ราคา 18 HKD (แต่ซื้อคูปองมา 20 T T)

แต่เจ้าตัวยืนยันว่าอร่อย

บิลออกมาแล้ว
ได้บิลที่ 307 แต่จ่าย 0 เพราะจ่ายไปแล้ว ยังงงๆ ว่ามัน 307 ยังไง เพราะในคูปองมันบอกว่ากินได้ 40 ดังนั้น ราคารวมมันต้องไม่เกิน 160 สิ แต่ช่างมันเถอะ เขาไม่คิดตังค์เพิ่มก็รีบๆ เดินออกมา

หลังจากมื้อนี้ก็พบว่า ที่ราคาอาหารมันแพงนั้น จริงๆ มันก็ไม่ได้แพงมากนักหรอก เพราะ 1 จานของเรา ปริมาณมันค่อนข้างมาก เรียกว่า 1 จาน กิน 2 คน หรือ 2 จานกิน 3 คนก็ยังพอได้

เสร็จจากของกินก็ไปต่อครับ คิวต่อไปคือ Tsim sha tsui

เดินออกมาเจอร้านขายขนมปัง เขาทำขายกันแบบนี้เลย

เดินมาสักพักเจอตลาดสด มีขายผัก

และผลไม้

ตึกสูงเน่าๆ สักมุม จากตลาดสดแถว Mong Kok

มีเขียงหมูด้วย

อันนี้คนละเจ้ากัน

เดินมาสักพักเจอ Jocky club แต่ไม่ได้ลองเข้าไปดูข้างใน

น่าจะเป็นแต้มต่อ

ถัดมาสักพักเจอร้านของกินครับ

เยอะมาก

แต่ไม่ได้ลอง

มีร้านนี้ได้ลอง

เพราะมันถูก

อันนี้ขายน้ำ

อันนี้ไม่รู้ไร

วอฟเฟิลฮ่องกงครับ ไม่ได้ลอง

ร้านข้างๆ เป็นชาไข่มุข แก้วละประมาณ 60 บาท แน่นอนว่า เราไม่ลองครับ

KFC ขี่คอ Burger king เครื่องยืนยันความคับแคบของเมือง

และแล้วก็ถึงป้ายรถเมล แต่ดูป้ายไม่รู้เรื่อง ทั้งที่วิ่งตรงไปเรื่อยๆ ก็ถึง แต่ไม่รู้ต้องนั่งคันไหน

หนุ่มหล่อคนขายนาฬิกาบอกว่า ป้ายนี้มันยกเลิก ให้ไปนั่งรถไฟ แต่เห็นคนเขาก็รอกันนะ

เลยอดนั่งรถเมลครับ ลงมารถไฟซะโดยดี

เดินไปๆ คนแน่นเลย

สักรูป

ถึงแล้ว สถานี Tsim sha tsui

ออกมาแล้วก็หาทางไปเดินฝั่ง Heritage 1881

เดินมุดทางลอด เจอสองหนุ่มนี้ เล่นเพลงกันเพราะดี

ไม่รู้อัลไล ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถ

ถึงแล้ว

1881 ของแท้

เจอกลุ่มวัยรุ่นเหมือนมาถ่ายภาพกัน

ส่วนของเราต้องถ่ายแบบแนวๆ

อีกสักมุม

อันนี้เป็นน้ำตก

จากด้านบน ถ่ายไปมุมมหานิยม
อันนี้เป็นด้านในของหอนาฬิกาครับ อยู่แถว Heritage นั่นล่ะ

จากหอนาฬิกามองลงไป

ไม่รู้อะไรไม่ได้อ่าน :P

รถโบราณ เขาห้ามจับนะนั่น

Heritage จากด้านข้าง

ไปเดินฝั่งตรงข้ามบ้าง

มองกลับไปที่ Heritage

เสร็จจาก Heritage ก็กลับมาเดินแถว Tsim sha tsui ครับ

เป็นย่านที่มีของขายเยอะ

คนพลุกพล่าน

พอไม่มีอะไรนักก็เลยเดินทะลุมาโซโก้

สวนด้านหลัง
 หาข้อมูลก่อนมา เขาบอกว่า มันจะมีการแสดงแสงสี โดยยิงแสงจากตึกฝั่งฮ่องกง แล้วเราสามารถยืนดูจากฝั่งเกาลูนได้ และเมื่อมันฟรี เราไม่ควรพลาดครับ มุมหนึ่งที่คนนิยมพอควรคือ Avenue of Stars ที่อยู่ด้านหลังโซโก้นี่ล่ะครับ การแสดงเริ่ม 2 ทุ่ม ก็รอไปครับ

เริ่มมืดละ

ได้เวลาชมการแสดง

พอถึงเวลาแสดง ผนตกครับ อดดู กลับ รอมาเป็นชั่วโมง

กลับมาลงรถไฟสถานี Tsim sha tsui ครับ

แวะเข้าห้องน้ำด้านล่าง มีป้ายสำหรับคนพิการด้วย เวลาลูบเพื่ออ่านตรงไหน ลำโพงก็จะพูดอธิบายด้วย

อันนี้ขึ้นรถไฟฝั่ง Mong Kok แล้ว ในภาพเป็นโรงหนังครับ โรงหนังเขาจะเป็นห้องแถว ไม่รู้เข้าไปเป็นไง

ย่านถนนคนเดินก็ยังคงเดินกันอยู่

ลงมาที่ร้านขนมครับ อีกหนึ่งคูปองที่ซื้อมา

เป็นพุดดิ้งในเปลือกไข่ ราคา 48 HKD จาก 78 HKD (197.18บาท) เอากลับขึ้นมากินบนห้อง

พรีเซนเตอร์

เด็กๆ บอกอร่อยมาก แต่ผมกินได้แค่ 3คำ ไม่อร่อยอ่ะ

ส่งสาวๆ ขึ้นห้องเสร็จ สองหนุ่มก็ลงมาเดินท่องราตรีต่อครับ ตามหาร้านขายของเล่น แต่ไม่ได้อะไรเลย ในภาพเป็นร้านขายซิม One 2 free แต่ไม่ได้ซื้อครับ คิดว่าไม่จำเป็นละ

ปิดท้ายด้วยห้องพักครับ City Trip ส่งให้ขึ้นมานอนที่นี่ แคบๆ แต่สะอาดอยู่ ทำเลใช้ได้
 เพิ่งจบหนึ่งวัน เหนื่อยใช้ได้เลย วันแรกที่ฮ่องกงพบว่า มันวุ่นวายดีแท้ เรียนตามตรงว่า ตอนแรกที่ไปถึง ผมอยากกลับกรุงเทพมากเลยครับ คนที่นี่ถามไรไม่ค่อยตอบ ชอบดุใส่ด้วย คนก็แออัด สถานที่ก็คับแคบ ทำเอาสงสัยว่าทำไมคนชอบมากัน แต่พอถึงที่พัก ได้พักผ่อนได้ออกไปเดินเล่นแล้วก็ผ่อนคลายขึ้นครับ คือ ช่วงแรกค่อนข้างเครียด เพราะดูไม่มีใครสนใจใคร ออกทางกังวลว่า เฮ้ย มันจะเบี้ยวที่พักกูมั้ย แล้วจะนอนไหน ซื้อตั๋วเรือถูกป่าววะ ตังค์แลกมาจะพอใช้มั้ยนี่

จบเท่านี้ก่อน ไว้โอกาสหน้าจะมาเก็บวันอื่นๆ ต่อครับ